วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก ผันผวน

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก ผันผวน

วันอังคารที่ผ่านมา ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบ โดยมีแรงขายหุ้นจากกลุ่มพลังงานและธนาคาร ได้แก่ PTT และ KTB อีกทั้งหุ้น IVL ปรับตัวลงแรง สาเหตุมาจากการตั้งด้อยค่าของสินทรัพย์ราว 1.0 หมื่นล้านบาท จึงกดดันผลประกอบการปี 66

ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,393.70 จุด -4.44 จุด -0.32% มูลค่าการซื้อขาย 55,732 ลบ. Program Trading -1,628.40 ลบ. ต่างชาติ -2,299.73 ลบ. TFEX -25,337 สัญญา ตราสารหนี้ -2,365.78 ลบ.

ปัจจัยบวก  

+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 1.29 ดอลลาร์ หรือ +1.66% ปิดที่ 78.87 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่นักลงทุนคาดการณ์ว่ากลุ่มโอเปคพลัส จะขยายเวลาลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปอีกหลังสิ้นสุดไตรมาสแรก นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการเจรจาหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสอย่างใกล้ชิด
+ FedWatch tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า มีโอกาส 59.1% ที่ FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างน้อย 0.25% ในการประชุมเดือนมิ.ย.ปีนี้
+ สหรัฐระบุว่าสายการบินโดยสารของจีนจะได้รับอนุญาตให้เดินทางไป-กลับสหรัฐเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ละ 50 เที่ยวตั้งแต่วันที่ 31 มี.ค. เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ 35 เที่ยวต่อสัปดาห์ และจะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 1 ใน 3 ของระดับก่อนเกิดโรคโควิด-19 ระบาด
+ แหล่งข่าวเปิดเผยว่า กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนจะยุติการโจมตีอิสราเอล หากฮามาสบรรลุข้อตกลงหยุดยิงครั้งใหม่กับอิสราเอล
+ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐยืนยันว่า อิสราเอลตกลงที่จะไม่ใช้ปฏิบัติการทางทหารในฉนวนกาซาในช่วงเทศกาลรอมฎอน ซึ่งจะเริ่มขึ้นในวันที่ 10 มี.ค.นี้
+ ครม.เห็นชอบให้ปรับวันพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ปี 67 ใหม่เร็วขึ้น และคาดว่าจะนำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 67 ขึ้นทูลเกล้าฯ ได้ในวันที่ 3 เม.ย.67 หรือเร็วขึ้นจากปฏิทินงบประมาณเดิมประมาณครึ่งเดือน ซึ่งจากเดิมกำหนดไว้วันที่ 17 เม.ย.นี้

ปัจจัยลบ

- ดัชนีดาวโจนส์ปิด ลดลง 96.82 จุด หรือ -0.25% ขณะนักลงทุนรอการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อและข้อมูลเศรษฐกิจอื่น ๆ ของสหรัฐซึ่งอาจบ่งชี้กำหนดเวลาที่เป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง
 

 

 

- นายโมฮัมเหม็ด อับดูลซาลาม โฆษกของกลุ่มฮูตีกล่าวว่า ฮูตีจะยังคงทำการโจมตีเรือสินค้าในทะเลแดง จนกว่าอิสราเอลจะยุติการรุกรานในฉนวนกาซา และยกเลิกการยึดครองดินแดนดังกล่าว
- สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ดิ่งลง 6.1% ในเดือนม.ค. ซึ่งปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2563 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 4.5% หลังจากปรับตัวลง 0.3% ในเดือนธ.ค.
- ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 106.7 ในเดือนก.พ. จากระดับ 110.9 ในเดือนม.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 115.0

แนวโน้มตลาดวันนี้    

คาดดัชนีในวันนี้ยังแกว่งตัวผันผวนในลักษณะ Sideway ออกข้าง โดยนักลงทุนยังติดตามการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อและข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆ ประกอบกับผลรอดูประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่จะสิ้นสุดในวันพรุ่งนี้ คาดกรอบดัชนีวันนี้ที่ 1,385-1,400 จุด

กลยุทธ์การลงทุน    

• ฟรีวีซ่าไทย-จีน : AOT AAV MINT CENTEL ERW SPA SKY
• MSCI Global Standard : เข้า – ออก BANPU BJC OSP MSCI Global Small Cap : เข้า BANPU OSP GLOBAL SKY TISCO ออก : BEC SUPER ใช้ราคาปิด 29 ก.พ.
• FTSE Large Cap. : เข้า – ออก CPF HMPRO IVL SCGP FTSE Mid Cap. : เข้า CPF HMPRO IVL SCGP ออก - FTSE Small Cap. : เข้า – ออก KEX RABBIT RAM SAMART WORK ใช้ราคาปิด 15 มี.ค.
• BTC ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง : JTS ZIGA BROOK TTA

 

หุ้นรายงานพิเศษ       

MASTER (IAA Consensus 81.00 บาท)
"ปี 67 รับรู้รายได้ห้องผ่าตัดใหม่เต็มปีเป็นครั้งแรก"

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก ผันผวน

•บริษัทมีรายได้ 4Q66 เท่ากับ 552 ล้านบาท +13%QoQ จาก Utilization Rate ของห้องผ่าตัดทั้ง 17 ห้อง ปรับตัวสูงขึ้นจากไตรมาสก่อนที่ 65% เพิ่มขึ้นเป็น 73% ใน 4Q23 และ +15%YoY ตามการรับรู้รายได้บริการของห้องผ่าตัดใหม่ (Operating Room : OR) จานวน 10 ห้องที่เริ่มเปิดให้บริการในเดือนมิถุนายนปี 66 ที่ผ่านมา ด้านอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 63.6% ปรับตัวดีขึ้นจาก 58.1% ใน 3Q23 และจาก 55.5% ใน 4Q65 ตาม Utilization Rate ของห้องผ่าตัดที่ดีขึ้น ประกอบกับค่าใช้จ่ายในการจ้างแพทย์จากเกาหลีเพื่ออบรม ได้สิ้นสุด Project ไปแล้ว (มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยเดือนละ 10 ล้านบาท) ส่งผลให้มีกำไรสุทธิ 4Q66 เท่ากับ 164 ล้านบาท +64%QoQ และ +108%YoY โดยทั้งปี 66 มีกำไรสุทธิ 416 ล้านบาท +38%YoY

ความเห็น : เรามีมุมมองเป็นบวกต่อผลประกอบปี 67 จากรับรู้รายได้บริการของห้องผ่าตัดใหม่ 10 ห้องเต็มปีเป็นครั้งแรก ประกอบกับ Utilization Rate ที่ปรับตัวดีขึ้น นอกจากนี้บริษัทวางแผนเข้าลงทุนใหม่อีก 4 ดีล ด้วยกลยุทธ์แบบ Merger and Partnership (M&P) ได้แก่ 1) Aescode ผู้ประกอบกิจการโรงงานผลิตซิลิโคนเพื่อใช้สำหรับทางการแพทย์ 2) Aurora Clinic ซึ่งเปิดให้บริการ 2 สาขาที่เกาะสมุย และที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี Aurora Clinic มีความชำนาญด้านเสริมหน้าอก ผ่าตัดตาสองชั้น เสริมคาง 3) Me Center Clinic ผู้ประกอบกิจการคลินิกดูแลสุขภาพจิต ซึ่งเปิดให้บริการอยู่ที่กรุงเทพมหานคร 4) Korawin ที่มี 46 สาขาทั่วประเทศ โดยชำนาญด้านศัลยกรรมความงาม เสริมจมูก เสริมคาง ตาสองชั้น โดย IAA Consensus คาดกำไรปี 67 เท่ากับ 558 ล้านบาท +34%YoY แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร”

หุ้นมีข่าว

(+) TFM (Bloomberg consensus 7.30 บาท) แตกไลน์สินค้าไฮมาร์จิ้น ประเดิมอาหารปลาคราฟ-ปลาสวยงาม ในช่วงไตรมาส 2/2567 แย้มปี 2568 ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแบบแห้ง ปักธง 3 ปี รายได้โต 10-15% ส่วนปีนี้แตะ 5.5-5.8 พันล้านบาท หนุนจากยอดขายอินโดนีเซียเพิ่มขึ้นโดดเด่น คาดมาร์จิ้นแตะ 12-13% จากปี 2566 อยู่ที่ 8.6% อานิสงส์ราคาวัตถุดิบลดลง (ที่มา ทันหุ้น)

(+) ASW (Bloomberg consensus 9.65 บาท) ปี 2567 บริษัทตั้งเป้ายอดขาย 17,800 ล้านบาท รายได้อยู่ที่ 8,700 ล้านบาท เติบโตทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องจากปี 2566 พร้อมโชว์แบ็กล็อกรวมกว่า 19,575 ล้านบาท เตรียมเปิดโครงการใหม่ 12 โครงการ มูลค่า 25,920 ล้านบาท ทั้งคอนโด และแนวราบ มองภาพรวมธุรกิจอสังหาในปี 2567 มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ขณะที่ครึ่งปีแรกจ่อโอน 6 โครงการ รับทรัพย์เพิ่ม (ที่มา ทันหุ้น)

(+) SAPPE (Bloomberg consensus 101.00 บาท) ทำออลไทม์ไฮต่อไม่หยุด ปี 2566 กวาดรายได้จากการขาย 6,052 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.5% และมีกำไรสุทธิ 1,074 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64.5% ยืนหนึ่งตลาดเกาหลีใต้ ฝรั่งเศส แถมสามารถปักหมุดที่อังกฤษเพิ่มอีก ครองใจผู้บริโภคทั่วโลกให้เข้าใกล้ความเป็น Global Brand ตามแผนที่วางไว้ พร้อมลุยต่อปี 2567 ปักธงรายได้เติบโต 20-25% แย้มปีนี้มีเซอร์ไพรส์ (ที่มา ทันหุ้น)

(+) SUN (Bloomberg consensus 6.93 บาท) ประกาศงบปี 2566 กวาดกำไร 357.4 ล้านบาท โต 185.6% ประกาศแจกปันผลเป็นทั้งหุ้นและเงินสด ส่วนปี 2567 โตต่อ 10-15% ลุยสินค้าพร้อมทานเพื่อส่งออกไปญี่ปุ่นและเกาหลี มั่นใจกระแสตอบรับดี พร้อมเตรียมออกสินค้าพร้อมทานในประเทศ เน้นผัก-ผลไม้ ภายใต้แบรนด์ KC เพิ่ม เดินแผนศึกษาลงทุนโครงการพลังงานทดแทนต่อเนื่อง (ที่มา ทันหุ้น)