วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ ยังเป็นเพียงฟื้นตัว การปรับขึ้นจริงยังต้องใช้เวลา 

อีกทั้ง เศรษฐกิจโลกปี 2568 คาดมีอัพไซด์จากทิศทางดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางทั่วโลกที่น่าจะเริ่มอยู่ในทิศทางปรับลดลงชัดเจน จะเป็นปัจจัยสำคัญหนุนการฟื้นตัวของสินทรัพย์เสี่ยงในช่วงต่อไป อย่างไรก็ตามในระยะสั้น SET Index ยังมีความเสี่ยงที่จะผันผวนจาก 1) แรงขายทำกำไรในตลาดโลก 2) การแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯจาก yield premium 3) การเพิ่มน้ำหนักการลงทุนไปยังตลาดตราสารหนี้ 4) เศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 2/67 ที่อาจเผชิญหลุมอากาศเนื่องจากการที่ยังไม่สามารถเบิกจ่ายงบประมาณได้ อาจกระทบต่อผลประกอบการบจ. อย่างไรก็ตามเรามองความผันผวนหรือการปรับลดลงในช่วงสองเดือนนี้จะเป็นโอกาสลงทุนที่ดี 
 

องค์ประกอบของตลาด (Market breath) บ่งชี้ว่าการปรับตัวขึ้นอย่างมีทิศทางยังต้องใช้เวลา เรามองการฟื้นตัวของตลาดช่วงนี้ยังเป็นระยะสั้นและการปรับขึ้นอย่างมีทิศทางยังต้องใช้เวลาเมื่อพิจารณาจากองค์ประกอบของตลาด (Market breath) ในหลายๆมิติดังนี้ 1) จำนวนหุ้นที่ยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 20 วัน ยังอยู่ระดับต่ำเกินไป โดย SET มี 227 หลักทรัพย์ (จากต่ำสุด 19 เม.ย.ที่ 107 หลักทรัพย์) ขณะที่ SET50 มี 18 หลักทรัพย์ (จากต่ำสุด 19 เม.ย.ที่ 5 หลักทรัพย์) 2) สัดส่วนของหุ้นที่อยู่ในภาวะหมี (Bearish) ของ SET และ SET50 อยู่ที่ 56.7% และ 64% ตามลำดับ 3) หุ้นที่อยู่ในภาวะขาขึ้นเต็มตัว (พิจารณาจาก MACD เป็นบวกทั้งรายวันและสัปดาห์) ของ SET50 และ SET100 อยู่ที่เพียง 7 และ 4 ตัว ขณะที่อยู่ในภาพขาลง (MACD เป็นลบทั้งรายวันและสัปดาห์) ของ SET50 และ SET100 อยู่ที่เพียง 29 และ 27 ตัว // จากองค์ประกอบของตลาดข้างต้น ทำให้แม้บรรยากาศเก็งกำไรระยะสั้นเป็นบวก

แต่เรายังประเมิน SET Index ยังต้องใช้เวลาในการปรับโมเมนตัมสู่ขาขึ้น ทำให้ภาพรวมกลยุทธ์ในช่วง เม.ย.-พ.ค. ยังเป็นการเน้นทยอยสะสม หรือเก็งกำไรแบบไม่ไล่ราคา จนกว่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของตลาดที่สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงทิศทางของตลาดที่พัฒนาขึ้นกว่านี้ 
 

คงมุมมองบวกต่อกลุ่มท่องเที่ยวและได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า ซึ่งจะเป็นกลุ่มที่มีโมเมนตัมของผลประกอบการเป็นบวก หุ้นที่เราชอบได้แก่ AOT, ERW, BA, BDMS, CPALL, CPAXT, BTG, CPG, GFPT, TFG, SAPPE, ICHI สำหรับ COCOCO, PLUS อาจต้องเริ่มระวังแรงทำกำไรหลังปรับขึ้นจนอัพไซต์อาจเริ่มจำกัด

ภาพรวมกลยุทธ์ บรรยากาศเก็งกำไรระยะสั้นเป็นบวกในลักษณะ rebound แต่คาดยังไม่ใช่การฟื้นตัวแบบมีทิศทาง การเก็งกำไรควรกำหนดจุดตัดขาดทุนและไม่ไล่ราคา และใช้จังหวะผันผวน เม.ย.-พ.ค. ในการทยอยสะสมหุ้นท่องเที่ยว บาทอ่อน และหุ้นรายตัวที่อยู่ในโซนต่ำได้

หุ้นแนะนำ: ERW*, MAJOR*, VRANDA*, BTG*

แนวรับ: 1,349-1,356 / แนวต้าน : 1,369 จุด 

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%

 

 

ประเด็นการลงทุนที่น่าสนใจ    

รายงาน กนง.ชี้ดอกเบี้ยปัจจุบันยังเหมาะสม รองรับความผันผวนศก.และค่าเงินได้ คณะกรรมการฯ ส่วนใหญ่เห็นว่าอัตราดอกเบี้ยปัจจุบัน อยู่ในระดับที่สอดคล้องกับการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจและการเงิน (อินโฟเควสท์)

จับตาวันนี้ ตลท.ลั่น คุมเข้ม ขายชอร์ตโรบอทเทรด ตลาดหลักทรัพย์ฯ แถลงความคืบหน้ามาตรการยกระดับการกำกับดูแลวันนี้ (ข่าวหุ้น)

หุ้นเทคฯปรับตัวลงหลัง META รายงานงบต่ำคาด และแนวโน้ม 2Q24 อ่อนแอ ราคาหุ้น METAปรับตัวลงสะท้อนแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2 ที่อ่อนแอ กดดันหุ้นบิ๊กเทคทั้ง Google, Microsoft, Amazon รวมถึงSocial Media platform อย่าง SNAP และ Pinterest ปรับตัวลงตาม 

สหรัฐฯเผยจำนวนผู้ขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยลดลง หลังดอกเบี้ยเงินกู้ดีดตัว จำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการจำนองลดลง 2.7%ในสัปดาห์ที่แล้ว หลังอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองดีดตัวขึ้น(อินโฟเควสท์)

ค่าเงินเยนดิ่ง ต่ำสุดใน 34 ปี แม้ทางการญี่ปุ่นออกโรงเตือนถึงการแทรกแซงตลาด (อินโฟเควสท์)

SAFE เล็งควบเจตนิน ขึ้นเบอร์ 1 ผู้มีบุตรยาก ปิดดีลทำ Share Swap ช่วง Q3/67 (ข่าวหุ้น)

SPA หยุดยาวจีนเที่ยวคึก ทุ่ม 100ล้าน –ลุยสาขาใหม่ (ทันหุ้น)

หุ้นXD : 25 เม.ย. QH, WHAUP/ 26 เม.ย. ANI, KKP, NSL, NYT, SPA /29 เม.ย. BAM, SORKON, SUN

รายงานผลประกอบการ: 25 เม.ย. PTTEP,BH,MSFT US, GOOG US / 26 เม.ย. DELTA, ITC /
30 เม.ย. ADVANC,HMPRO,TAN

 

ประเด็นติดตาม: 25 เม.ย. US GDP(Q1) /26 เม.ย. US Core PCE (Mar), BOJ Meeting , TH Exports(Mar)
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)