วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก Sideway
วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ดัชนีเคลื่อนไหว sideway ต่อจากวันก่อนหน้า เนื่องจากนักลงทุนติดตามการรายงาน PCE ของสหรัฐ ในวันศุกร์นี้ เพื่อประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยมีแรงซื้อเด่นในหุ้นกลุ่มการแพทย์ หลังจาก BH รายงานผลประกอบการดีกว่าที่ตลาดคาด
ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,364.27 จุด +3.17 จุด +0.23% มูลค่าการซื้อขาย 41,434 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 76 เซนต์ หรือ +0.92% ปิดที่ 83.57 ดอลลาร์/บาร์เรล ได้แรงหนุนจากการที่นางเจเน็ต เยลเลน รมว.คลังสหรัฐแสดงความเห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังปรับตัวขึ้นท่ามกลางความวิตกกังวลว่าอุปทานน้้ามันในตะวันออกกลางอาจจะได้รับผลกระทบจากการที่อิสราเอลโจมตีเมืองราฟาห์ในฉนวนกาซา
+ นางเจเน็ต เยลเลน รมว.คลังสหรัฐคาดว่าเศรษฐกิจอาจจะขยายตัวแข็งแกร่งกว่าที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานล่าสุด โดยอาจจะปรับเพิ่มประมาณการตัวเลข GDP หลังได้รับข้อมูลเพิ่มเติม และคาดว่าเงินเฟ้อก็อาจจะชะลอตัวลงสู่ระดับปกติ
+ ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมใช้เกณฑ์ uptick rule สำหรับ "หุ้นทุกตัว" และหุ้นที่จะถูก short ได้ต้องมีมาร์เก็ตแคปอย่างน้อย 7.5 พันล้านบาท และคุมหุ้นราคาร้อนแรงด้วยระบบ Auction เริ่มปลายไตรมาส 2 นี้ มั่นใจเพิ่มความเชื่อมั่นผู้ลงทุน
+ สมาคมธนาคารไทยออกแนวทางให้ธนาคาร"ลดดอกเบี้ย" 0.25% ช่วยเหลือ "กลุ่มลูกหนี้เปราะบางและเอสเอ็มอี" เป็นเวลา 6 เดือนเนื่องจากเศรษฐกิจไทยที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่สอดคล้องมาตรการแก้หนี้อย่างยั่งยืนของธปท.
ปัจจัยลบ
- ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 375.12 จุด หรือ -0.98% หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลข GDP ที่ขยายตัวต่ำกว่าคาดและตัวเลขเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้นใน 1Q67 นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากแรงขายหุ้นที่มีทุนจดทะเบียนสูง หลังจากบริษัทเมตา แพลตฟอร์มเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวัง
- สหรัฐเปิดเผยว่าตัวเลข GDP ใน 1Q67 ประมาณการครั้งที่ 1 ขยายตัวเพียง 1.6% ขยายตัวต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.4% สวนทางกับดัชนี PCE ใน 1Q67 ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อพุ่งขึ้น 3.4% สูงกว่า 4Q66 ที่ปรับตัวขึ้น 1.8%
- กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 5,000 รายสู่ระดับ 207,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 214,000 ราย
- นักลงทุนเริ่มให้น้ำหนักใกล้เคียงกันต่อคาดการณ์ที่ว่า FED จะปรับลดหรือคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. หลังเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวต่ำกว่าคาดแต่ตัวเลขเงินเฟ้อสูงขึ้น ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 44.9% ที่ FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 17-18 ก.ย. ลดลงจาก 46.4% เมื่อวานนี้
- เจ้าหน้าที่สหรัฐรายหนึ่งเปิดเผยว่า สหรัฐส่งมอบขีปนาวุธพิสัยไกลไปยังยูเครนอย่างลับ ๆ เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาเพื่อใช้ต่อสู้กับรัสเซียและยูเครนได้ใช้ไปแล้ว 2 ครั้ง
- รัฐบาลสหรัฐจะบังคับตรวจไข้หวัดนกในโคนมที่ขนย้ายระหว่างรัฐ ขณะที่ทางการยกระดับการรับมือกับการระบาดของโรคไข้หวัดนก ซึ่งส่งผลกระทบต่อซัพพลายนมในสหรัฐ
- สอท.เผยภาวะหนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูงส่งผลให้ยอดผลิต-ยอดขายรถยนต์ในประเทศร่วง ภาพรวม 3 เดือนผลิตได้ 4.14 แสนคัน ลดลง 18.45%YoY ส่วนยอดขายลงแรง 25%YoY
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสแกว่งตัว Sideway โดยมีแรงกดดันจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผย GDP ใน 1Q67 ขยายตัวเพียง 1.6% ซึ่งเป็นการขยายตัวต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี ขณะที่ปัจจัยในประเทศมีประเด็นบวกจาก ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมใช้เกณฑ์ uptick rule มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,360-1,372 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• ฟรีวีซ่าไทย-จีน : AOT AAV MINT CENTEL ERW SPA SKY
• หุ้นได้ประโยชน์จากอากาศร้อนจัด : TACC SAPPE ICHI PLUS COCOCO MALEE TIPCO
• หุ้นเด่น IAA : AOT CK CPALL MINT
• มาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ : SIRI SC ORI LH QH AP SPALI
• Digital Wallet : CPALL BJC CRC DOHOME GLOBAL HMPRO
หุ้นรายงานพิเศษ
STX <MAI/PROPERTY & CONSTRUCTON>
ราคา IPO 3.00 บาท ราคาเหมาะสม 3.08-3.20 บาท
•ดำเนินธุรกิจเหมืองหิน โดยผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์หินอุตสาหกรรมเพื่อการก่อสร้างชนิดหินแกรนิต และหินปูน และแร่โดโลไมต์ (Dolomite) รวมถึงการให้บริการด้านขนส่ง โดยมีสัดส่วนรายได้ปี 66 ที่ 85.1% และ 0.1% ตามลำดับ หากแบ่งตามผลิตภัณฑ์หินแกรนิต หินปูน และแร่โดโลไมต์ปี 66 มีสัดส่วน 30.2% 47.9% และ 11.4% ตามลำดับ
•ทั้งนี้บริษัทมีรายได้และกำไรสุทธิปี 63-65 อยู่ที่ 410.9-279.6 ลบ. และ 33.2-21.6 ลบ. ตามลำดับ โดยคิดเป็นอัตราการหดตัวเฉลี่ย CAGR ตลอด 2563-2565 ปีที่ -18% และ -19% ต่อปีตามลำดับ เนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โควิด-19 นอกจากนี้มีการปิดเหมืองหนองข่าชั่วคราวในปี 65 จากต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้นจากการผลิตเหมืองที่ลึกขึ้น ขณะที่รายได้และกำไรปี 66 เติบโต 32%YoY และ 73%YoY สู่ 316 ลบ. และ 38 ลบ. ตามลำดับ เนื่องจากการขาดแคลนหินก่อสร้างในภาคตะวันออกทำให้ทั้งอุปสงค์และราคาจำหน่ายเพิ่มขึ้นหนุนผลประกอบการ
•คาดผลประกอบการปี 67 เติบโต 28% สู่ 46 ลบ. โดยได้แรงหนุนจากการ 1) ก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคใน EEC ตามแผนก่อสร้างปี 66-70 2) การปรับปรุงและก่อสร้างโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกปี 67-70 และ 3)การก่อสร้างท่าเรือแหลมฉบับเฟส 3 เป็นปัจจัยหนุนต่อรายได้เพิ่มเติม
•จำนวนหุ้น IPO 65 ล้านหุ้น และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 726.4 ลบ. ราคา IPO คิดเป็น trailing P/E 24.22 เท่าซึ่งสูงกว่าบริษัทที่ดำเนินธุรกิจคล้ายคลึงกัน อาทิ CMAN และ SUTJA ที่ 15.7 เท่า โดยการระดมทุนเพื่อ 1) ใช้เป็นเงินลงทุนในธุรกิจเหมืองหินและแร่ หรือใช้ในการซื้อเหมืองหินและแร่ หรือใช้ในการก่อสร้างอาคารโรงงานรวมถึงการลงทุนในเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง และ 2) เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนินธุรกิจ
*บล.โกลเบล็กเป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายหุ้นเพิ่มทุนซึ่งจะได้รับค่าธรรมเนียมในการจัดจำหน่ายครั้งนี้*
หุ้นมีข่าว
(+) NEX (Bloomberg consensus 14.25 บาท) เผยไตรมาส 1/2567 ส่งมอบรถไปกว่า 500 คัน เดินหน้าดีลลูกค้าในประเทศ-ต่างประเทศ คาดปีนี้ทำได้ไม่ต่ำกว่า 5 พันคัน แย้มกำลังเจรจาค่ายรถระดับโลก เพื่อผลิตรถให้ค่ายรถดังกล่าว คาดจะเห็นความชัดเจนเร็วๆ นี้ เล็งขายรถให้ผู้ชนะดีล ขสมก. 350 คัน ชูศักยภาพและกำลังผลิตทำได้เดือนละกว่า 300 คัน ชูพร้อม TERA เข้าตลาดหุ้นโอกาสใช้ไอทีดันศักยภาพขนส่ง (ที่มา ทันหุ้น)
(+) PTG (Bloomberg consensus 10.20 บาท) เปิดกลยุทธ์เพิ่มรายได้กลุ่มธุรกิจ Non-Oil ดันบริษัทย่อย "โกลัค" เตรียมเปิดร้านซับเวย์ คาดว่าจะขยายสาขาประมาณ 50 สาขาต่อปี พร้อมวางเป้าเพิ่มเป็น 500 สาขา ภายใน 10 ปี คาดใช้งบลงทุนราวประมาณ 2,300-2,500 ล้านบาท พร้อมขึ้นแท่น TOP 3 ตลาด QSR ในไทยภายใน 3 ปี (ที่มา ทันหุ้น)
(+) MASTER (Bloomberg consensus 77.75 บาท) "ลภัสรดา เลิศภานุโรจ" แม่ทัพใหญ่ MASTER มองธุรกิจศัลยกรรม Q2 ติดเครื่องวิ่งต่อ หลังลูกค้าอินโดนีเซียไหลเข้ามาไม่ขาดสาย หนุนสัดส่วนขึ้นเป็นเบอร์ 1 จับตาครึ่งปีหลัง 2567 เก็บเกี่ยวรายได้ลงทุน "V Square" และ "S45 Clinic" เต็มสูบ (ที่มา ทันหุ้น)
(+) WPH (Bloomberg consensus - บาท) ผู้ถือหุ้นไฟเขียวจ่ายปันผลงวดปี 2566 รวม 0.11 บาทต่อหุ้น เตรียมรับทรัพย์ 21 พฤษภาคมนี้ และจ่ายเป็นหุ้นปันผลในอัตรา 50 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล ฟาก "เชน เหล่าสุนทร" ระบุผู้ใช้บริการทั้งในและต่างประเทศเพิ่มขึ้นพร้อมลุยลงทุนการแพทย์เฉพาะทางมากขึ้น ขยายพอร์ตประกันสังคมเพิ่มเติม ดันผลงานปีนี้เติบโตเข้าเป้า 25% (ที่มา ทันหุ้น)