วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ CPAXT กำลังดีขึ้นเรื่อย ๆ
โมเมนตัมของยอดขายของธุรกิจค้าส่งจะยังโตดีในไตรมาสที่สอง โดย same-store-sales (SSS) QTD ยังโตได้ดีอยู่ที่ระดับใกล้เคียงกับใน 1Q67 (+3.4%)
อย่างไรก็ตาม จำนวนลูกค้าเข้าห้าง และ การจับจ่ายใช้สอยที่น้อยในช่วงหน้าฝนอาจจะเป็นปัจจัยที่ต้องจับตาต่อไปในช่วงที่เหลือของไตรมาสนี้ ทั้งนี้ เนื่องจากยอดขายใน 1Q67 คิดเป็น 25% ของประมาณการเต็มปีของเรา ดังนั้น เราจึงเชื่อว่าบริษัทน่าจะทำยอดขายปีนี้ได้ตามประมาณการเต็มปีของเรา ผู้บริหารคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะเพิ่มขึ้นประมาณ 30-40bps ใน
2Q67 เพราะคาดว่ายอดขายสินค้าที่ margin สูงจะมีสัดส่วนสูงขึ้น ในขณะเดียวกันก็ค่าดว่า SG&A จะเพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการขยายธุรกิจอยู่ โดยคาดว่าสัดส่วน SG&A ต่อยอดขายจะกลับมาอยู่ระดับปกติจากปี 2568 เป็นต้นไปจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น
ธุรกิจค้าปลีก: ตั้งเป้าจะเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้น 50bps ในปี 2567
โมเมนตัมยอดขายของธุรกิจค้าปลีกกำลังเร่งตัวขึ้น โดยคาดว่า QTD SSS จะโตในระดับเลขหลักเดียวกลาง ๆ ทั้งในส่วนของ Lotus’s ประเทศไทย และ Lotus’s มาเลเซีย ในขณะเดียวกัน อัตรากำไรขั้นต้นอาจจะทรงตัว QoQ หรือ เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากหลาย ๆ ปัจจัยผสมกัน (อัตรากำไรขั้นต้นของ Lotus’s ประเทศไทยลดลงเพราะสัดส่วนยอดขายสินค้า margin ต่ำในช่วงฤดูร้อน แต่ของ Lotus’s มาเลเซียเพิ่มขึ้นเพราะ product mix ดีขึ้น) ถึงแม้อัตรากำไรขั้นต้นจะลดลง 40 bps YoY ในไตรมาสที่ 1Q67 บริษัท ยังตั้งเป้าจะเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจค้าปลีกประมาณ 50bps ในปี 2567F โดยจะมาจากสินค้าอาหารเป็นหลัก
กำไรใน 2Q67 จะเพิ่มขึ้น YoY แต่จะลดลง QoQ
เราคาดว่ากำไรของ CPAXT จะเพิ่มขึ้น YoY เพราะผลการดำเนินงานดีขึ้น และ ได้อานิสงส์จากการทำ refinance แต่คาดว่ากำไรจะลดลง QoQ เพราะผลจากปัจจัยฤดูกาล ทั้งนี้ บริษัทจะยังคงมีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการขยายธุรกิจในปีนี้ ในขณะที่คาดว่าจะเห็น synergy จากการปรับโครงสร้างธุรกิจในระยะยาว ทั้งนี้ เรามองว่าประมาณการกำไรปี 2567F ของมี upside จำกัด และ ยังคงประมาณการกำไรปี 2567 เอาไว้เท่าเดิม
Valuation & action
เรายังคงคำแนะนำ “ถือ” CPAXT และประเมินราคาเป้าหมายสิ้นปี 2567 ที่ 35.00 บาท อิงจาก PER ที่ 33.0x (ค่าเฉลี่ยในอดีตระหว่างหุ้นกลุ่มนี้ในประเทศไทยและในตลาดโลก +1.5 S.D.)
Risks
เศรษฐกิจชะลอตัวลง, ราคาสินค้าเกษตรลดลง, ขยายสาขาได้น้อยกว่าแผนที่กำหนดไว้, disruption ที่เกิดจากเทคโนโลยีใหม่, ความเสี่ยงด้านกฎเกณฑ์ของทางการ และค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากการขยายกิจการในต่างประเทศ
