วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ AMATA ยังมีความท้าทายอยู่บ้างในช่วงที่เหลือของปีนี้
จากข้อมูลของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (Board of Investment of Thailand) อุปสงค์การลงทุนจากต่างชาติยังคงอยู่ในเกณฑ์ดีในช่วงสามเดือนแรกของปีนี้
โดยมียอดขอ และ ยอดอนุมัติสิทธิประโยชน์ BOI จากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ใน 1Q67 รวม 1.69 แสนล้านบาท (+16% YoY) และ 1.98 แสนล้านบาท (+13% YoY) ตามลำดับ (Figure 1 – Figure 2) ซึ่งเมื่อแบ่งตามประเทศพบว่าประเทศจีน และ สิงคโปร์อยู่ในอันดับต้น โดยอุปสงค์การลงทุนของทั้งสองประเทศรวมกันคิดเป็นประมาณ 46% ของยอดยื่น BOI จาก FDI ทั้งหมด และ คิดเป็นประมาณ 62% ของยอดอนุมัติ BOI จาก FDI ทั้งหมด (Figures 3 – 4) ทั้งนี้ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์มีสัดส่วนสูงที่สุด โดยคิดเป็นประมาณ 45% ของยอดยื่น และยอดอนุมัติ BOI จาก FDI ทั้งหมด (Figures 5 – 6)
โมเมนตัมยอดขายที่ดินแผ่วลงใน 1Q67 โดยตั้งเป้ายอดขายที่ดินปี 2567 ที่ 1,800 ไร่
ถึงแม้จะมีสัญญาณที่แข็งแกร่งจากอุปสงค์การลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ แต่ยอดขายที่ดินของ AMATA ใน 1Q67 ยังแผ่วอยู่ที่ 325 ไร่ใน 1Q67 (จาก 310 ไร่ใน 1Q67 และ 651 ไร่ใน 4Q66) ผู้บริหารของ AMATA คาดว่ายอดขายที่ดินใน 1Q67 จะเป็นระดับที่ต่ำที่สุดในรอบปีนี้ และ น่าจะฟื้นตัวได้ย่างต่อเนื่องในไตรมาสที่เหลือของปีนี้ โดยตั้งเป้ายอดขายที่ดินปี 2567F ไว้ที่ 1,800 ไร่ (จาก 1,854 ไร่ในปี 2566) นอกจากนี้ ยังคาดว่ายอดโอนที่ดินจะเป็นรูปแบบเดียวกัน คือใน 1Q67 (151 ไร่) จะต่ำสุดในรอบปีนี้ ก่อนที่จะเพิ่มขึ้นในช่วงที่เหลือของปี โดยบริษัทคาดว่า 50% ของ backlog ที่มีในมือจะโอนได้ในปี
2567 ซึ่ง ณ สิ้นงวด 1Q67 บริษัทมียอด backlog 1.4 หมื่นล้านบาท
ทบทวนสมมติฐาน และ ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2567 ขึ้นอีก 9%
เนื่องจาก i) ตามปกติแล้วยอดขายที่ดินมักจะสูงกว่าในช่วงปลายปี และ ii) บริษัทไม่ได้ตั้งเป้ายอดขายที่ดินไว้สูงนัก (ทรงตัว YoY) เราจึงมองว่า AMATA น่าจะทำยอดขายที่ดินได้ตามเป้า อย่างไรก็ตาม เนื่องจากยอดขาย และ ยอดโอนที่ดินส่วนใหญ่จะมาจากนิคมฯ ที่ระยอง ดังนั้นอัตรากำไรขั้นต้นจึงยากที่จะกลับไปอยู่ที่ระดับประมาณ 60%++ ได้เหมือนกับในอดีต ดังนั้น เราจึงทบทวนสมมติฐานของเราดังนี้ i) ปรับเพิ่มประมาณการยอดขาย และ ยอดโอนที่ดิน และ ii) ปรับลดสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายที่ดินลง ทั้งนี้ เมื่อนำผลประกอบการจริงของปี 2566 มาร่วมพิจารณาด้วยแล้ว เราจึงปรับเพิ่มประมาณ
การกำไรปี 2567F ขึ้นอีก 9% (Figure 7)
Valuation & action
เราปรับลดราคาเป้าหมายปี 2567 จาก 27.00 บาท เหลือ 25.00 บาท เนื่องจากเรา de-rate PER ของธุรกิจนิคมฯ ลงจาก 20.5X (+1.0 S.D) เหลือ 18.0X (+0.5 S.D) เพื่อสะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่น่าสนใจน้อยกว่าหุ้นอื่นในกลุ่ม ดังนั้น เราจึงยังคงคำแนะนำ “ถือ” AMATA
Risks
ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitical risk), เศรษฐกิจชะลอตัวลง, ภัยธรรมชาติ, การซื้อที่ดิน, การกระจุกตัวของกลุ่มอุตสาหกรรม, เงินทุนไม่เพียงพอ