วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ CHG การเติบโตเชิงบวกในปี 2567F

i) ผลการดำเนินงานใน 1Q67 ออกมาน่าพอใจ กำไรสุทธิของ CHG ใน 1Q67 อยู่ที่ 264 ล้านบาท (+9.8%YoY, -3.6% QoQ) คิดเป็น 21.3% ของประมาณการกำไรเต็มปีของเรา ซึ่งสะท้อนถึงโมเมนตัมเชิงบวกจากการที่สำนักงานประกันสังคม (SSO) ปรับขึ้นอัตราค่าเหมาจ่ายรายหัว 10.2% YoY ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2566 และผู้ป่วยที่มาใช้บริการมี intensity สูงขึ้น

ii) ตามปกติแล้ว 2Q จะเป็นไตรมาสที่แผ่วลง QoQ ผลประกอบการของ CHG ใน 2Q มักจะต่ำที่สุดในรอบปี (ยกเว้นปีที่ COVID-19 ระบาด) ดังนั้น เรามองว่าผลประกอบการของ CHG ใน 2Q67F จะแผ่วลง QoQ แต่คาดว่าผลการดำเนินงานจะดีขึ้น YoY จากฐานกำไรที่ต่ำเพียง 206 ล้านบาทใน 2Q66

iii) ยังคงเป้ารายได้ปี 2567F เอาไว้เท่าเดิม ผู้บริหารยังคงเป้าอัตราการเติบโตของรายได้ปี 2567F เอาไว้ที่ 15% YoY จากการให้บริการรักษาโรคเฉพาะทางที่สมุทรปราการ (อย่างเช่น หลอดเลือดสมอง, หัวใจ,มะเร็ง) นอกจากนี้ กลุ่มผู้ป่วยต่างชาติจะช่วยหนุนผลการดำเนินงาน เนื่องจากสัดส่วนรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติอยู่ที่ประมาณ 4% ของรายได้รวมใน 1Q67 ซึ่งเมื่อมองไปข้างหน้า บริษัทคาดว่าจะเพิ่มรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติเป็น 5% ในระยะยาว โดยในปัจจุบัน รายได้จากผู้ป่วยต่างชาติหลัก ๆ มาจากโอมาน และ UAE ในขณะที่บริษัทน่าจะได้อานิสงส์จากความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประเทศไทยและซาอุดิอาระเบีย ซึ่งจะทำให้มีการเลือกประเทศไทยเป็นจุดหมายทางด้านบริการทางการแพทย์

 

 

คงประมาณการกำไรเอาไว้เท่าเดิม

เราคาดว่าผลประกอบการของ CHG จะดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในระยะยาว โดยเรายังคงมองบวกกับโอกาสที่บริษัทจะมีผู้ป่วยที่มี intensity สูงมาใช้บริการเพิ่มขึ้นจากการขยายกิจการอย่างต่อเนื่อง โดยมีกำไร (จากโรงพยาบาลจุฬารัตน์ แม่สอด ที่เปิดบริการในเดือนมิถุนายน 2566) และคาดว่าจะจำนวนผู้ป่วยลงทะเบียนประกันสังคมจะเพิ่มขึ้น 3% (ปัจจุบันอยู่ที่ 5.25 แสนคน) ทั้งนี้ เราคาดว่ากไรสุทธิในปี 2567F จะอยู่ที่ 1.24 พันล้านบาท (+18.7% YoY) และปี 2568F จะอยู่ที่ 1.43 พันล้านบาท (+14.9% YoY)

Valuation & Action

เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ และประเมินราคาเป้าหมาย DCF ปี 2567 ที่ 3.70 บาท (ใช้ WACC ที่ 7.9% และ TG ที่ 3.0%)

Risks

COVID-19 ระบาด, เศรษฐกิจชะลอตัวลง และ เกิดปัญหาเสถียรภาพทางการเมืองไทยรอบใหม่