วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง ดุลการค้า EU และผลหารือจัดตั้งกองทุน LTF

ส่วนภาพระยะสั้น แม้ว่าดัชนีฯ วานนี้จะปิดลดลง แต่ยังคงสร้าง Higher Low และ Higher High ที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณของรูปแบบขาขึ้นไว้ได้ ส่งผลให้ดัชนีฯ สัปดาห์นี้ ยังคงมีโอกาสขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,395 จุด (Gap ที่เปิดไว้เมื่อวันที่ 11 เม.ย.) และ 1,404 จุด ตามลำดับ เราคงคำแนะนำ ซื้อเก็งกำไรเมื่ออ่อนตัว บนคาดการณ์ตลาดหุ้นไทยผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว (Bottom Out)

 

ประเด็น Event สำคัญ วันนี้

TH Opp Day: YONG EMC ITEL SAPPE SABINA ILINK HUMAN DMT WHA ETL BGC KCG UBIS NEX SKR SICT DITTO COCOCO NRF SJWD SPRC

TH ผลประชุมครม.: FETCO หารือบลจ. เกี่ยวกับการจัดตั้งกองทุน LTF ก่อนนำเสนอ ก.ล.ต. และรมว.คลัง

Global 1Q24 Earnings Results: US Lowe’s (คาด EPS USD2.95 Vs Previous EPS USD3.67) Macy’s (คาด EPS USD0.16 Vs Previous EPS USD0.56)

Fed Comments: จับตาสัญญาณดอกเบี้ยเฟด จากสุนทรพจน์ของคณะกรรมการที่มีสิทธิ์โหวต (Voters) ได้แก่ Fed Richmond Thomas Barkin, Fed Governor Christopher Waller, Fed New York John Williams, Fed Atlanta Raphael Bostic, Fed Clveland Loretta Mesters และกรรมการที่ไม่มีสิทธิ์โหวต Fed Boston Susan Collins

 

 

+Fund Manager Survey เดือน พ.ค.: ผลสำรวจ ผจก.กองทุนโลก 245 ราย มูลค่า NAV USD642bn. ระหว่างวันที่ 3-9 พ.ค. 2024 โดย Bank of America พบว่า ผจก.กองทุนมีมุมมองเชิงบวกต่อภาวะการเติบโตของเศรษฐกิจปีนี้ (Soft Landing 56% No Landing 31%) และคาดการณ์เงินเฟ้อมีสัญญาณลดลง (82% คาดว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยโยบายครั้งแรกใน 2H24 และ 78% คาดว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยอย่างน้อย 2 ครั้ง ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า) ส่งผลต่อ Asset Allocation เพิ่มน้ำหนักลงทุน Bonds (6% UW จาก 14% UW, Commodities 13% OW จาก 11% OW และ Equities สูงสุดนับตั้งแต่เดือน ม.ค. 2022 ที่ 41% OW (จาก 34% OW) โดยเพิ่มน้ำหนักลงทุน USA Equities (12% OW จาก 9% OW) และคง GEM EM ที่ 4% OW ขณะที่ EU และ JP ยังคงน้ำหนักสูง แต่ลดน้ำหนักลงเป็น 18% OW (จาก 26% OW) และ 20% OW (จาก 23% OW) ส่วนตลาดหุ้นไทยมีน้ำหนักลงทุนแย่สุดในเอเชีย ที่ 18% UW (ใกล้เคียงกับ 17% UW ในเดือน ก.พ.) สะท้อนความเสี่ยงขาลงมีจำกัด และอาจฟื้นตัวได้ หากมีข่าวบวกเชิงเศรษฐกิจรอบใหม่

TH ตลาดหุ้นไทยปิดทำการวันพรุ่งนี้ เนื่องในวันวิสาขาบูชา (ประเด็นสำคัญวันพุธ ที่อาจมีผลต่อตลาด ได้แก่ US Earnings Results: จับตารายงานผลกำไร NVIDIA คาดดีขึ้นเป็น EPS USD5.58 Vs Previous USD1.09; US FOMC Minute คาดส่งสัญญาณการปรับลดดอกเบี้ย อยู่ที่ Data Dependent; และ UK Inflation เดือน เม.ย. คาดลดลงต่อเนื่องมาที่ +2% YoY ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 2024 Vs 3.2% YoY ณ สิ้นเดือน มี.ค. 2024 เพิ่มโอกาสลดดอกเบี้ยของ BOE ในปีนี้)

Australia รายงานรายละเอียดผลประชุมธนาคารกลางออสเตรเลีย ที่ผ่านมา

 

 

ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ:

EU Trade Balance เดือน มี.ค.: Consensus คาดลดลงเป็น EUR19.9 bn.เทียบกับเดือน ก.พ. ที่เกินดุล EUR23.6bn. ส่วนคาดการณ์ Current Account เดือน มี.ค. คาดดีขึ้นเป็น EUR32bn. (Vs เดือน ก.พ. EUR31.6bn.) สัญญาณที่ดีขึ้นทางเศรษฐกิจเป็นหนึ่งในปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของ 1Q24E GDP Growth เติบโต +0.3% QoQ

กลยุทธ์ลงทุน แนะนำ หุ้นที่มีประเด็นข่าวเชิงบวก ได้แก่ TFG RBF COCOCO

 

Strategic daily picks

TFG    ปิด 4.00 บาท/แนวรับ 3.88 บาท แนวต้าน 4.14 บาท

1Q24 กำไรสุทธิ 174 ล้านบาท หากไม่รวมกำไรรายการพิเศษ 82 ล้านบาท มีกำไรปกติ 92 ล้านบาท ดีกว่าคาด (KTX คาดกำไรปกติ 12 ล้านบาท) จากอัตรากำไรขั้นต้น 8.6% ดีกว่าเราคาดไว้ที่ 8.0% ขณะที่แนวโน้ม 2Q24E คาดมีกำไร แรงหนุนจาก 1. ราคาหมูไทยและเวียดนามปรับตัวดีขึ้นเป็น 72 บาท และ 62,000 VND/kg ตามลำดับ 2. ธุรกิจไก่ไทยราคาทรงตัวสูง 40-44 บาท/กก. และเริ่มเข้าสู่ฤดูกาลขายดีของตลาดส่งออก

RBF   ปิด 10.00 บาท/แนวรับ 9.35 บาท แนวต้าน 11.00 บาท

RBF มีกำไรสุทธิ 172 ล้านบาท ใน 1Q24 ต่ำกว่าคาด 6% หากไม่รวมรายการพิเศษ มีกำไรปกติ 149 ล้านบาท (-6% YoY, -9% QoQ) ขณะที่แนวโน้ม 2Q24E คาดยอดขายกลุ่มวัตถุแต่งกลิ่นรสและสีผสมอาหารจะเพิ่ม QoQ ตามฤดูกาลขายดีของลูกค้ากลุ่มเครื่องดื่ม รวมถึงยอดขายกลุ่มแป้งคาดจะเพิ่มตามธุรกิจส่งออกไก่และอาหารทะเล ทั้งนี้ KTX ประเมินมูลค่าเหมาะสม 11.88 บาท

COCOCO   ปิด 12.60 บาท/แนวรับ 11.80 บาท แนวต้าน 13.60 บาท

1Q24 มีกำไรสุทธิ 203.64 ล้านบาท (+204.39% YoY), รายได้รวม 1,397.62 ล้านบาท (+62.18% YoY) และอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 26.66% YoY จากการเติบโตของรายได้จากการขายและบริการ รวมถึงการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทุกประเภทเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ พร้อมกันนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2024 เติบโต 30-40% จากการขยายฐานลูกค้า และเพิ่มกลยุทธ์การตลาด ทั้งนี้ Bloomberg Consensus ประมาณการกำไรปี 2024 ที่ 937 ล้านบาท (+73.46% YoY) และมูลค่าเหมาะสม 15.23 บาท