วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก CPI สหรัฐต่ำกว่าตลาดคาด

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก CPI สหรัฐต่ำกว่าตลาดคาด

วันพุธที่ผ่านมาตลาดหุ้นเคลื่อนไหว Sideway โดยผลการประชุม กนง. มีมติเห็นด้วย 6:1 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายประเทศไทยไว้ที่ 2.50% ตามตลาดคาด นักลงทุนติดตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐจากการเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค CPI และผลการประชุมเฟด คืนวันพุธที่ผ่านมา

มีแรงซื้อในหุ้น กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และพลังงาน มีแรงขายในหุ้นกลุ่มขนส่ง และการเงิน ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,316.69 จุด +0.59 จุด +0.04% มูลค่าการซื้อขาย 46,526.49 ลบ. Program Trading -1,427.25 ลบ. ต่างชาติ -1,815.86 ลบ. TFEX +1,612 สัญญา ตราสารหนี้ -1,345.52 ลบ

ปัจจัยบวก    

+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 60 เซนต์ หรือ +0.77% ปิดที่ 78.50 ดอลลาร์/บาร์เรล ได้แรงหนุนจากสถานการณ์ตึงเครียด ในตะวันออกกลางแต่ตลาดกังวลว่า FED อาจจะเลื่อนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยออกไปไกลถึงเดือนธ.ค.ส่งผลให้ราคาน้ำมันลด ช่วงบวก
+ สหรัฐเปิดเผยว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค เพิ่มขึ้น 3.3%YoY ในเดือนพ.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.4% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 3.4% ในเดือนเม.ย.
+/- คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของ FED มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.25-5.50% ตามคาด คณะกรรมการมองว่าเป็นเรื่องเหมาะสมที่จะยังไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นจนกว่าจะเชื่อมั่นมากขึ้นว่าเงินเฟ้อกำลังปรับตัวสู่ระดับ 2% อย่างยั่งยืน
+/- ที่ประชุม กนง.มีมติ 6 ต่อ 1 เสียงคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.50% ต่อปีติดต่อกันเป็นครั้งที่ 4 นับตั้งแต่วันที่ 29 พ.ย. 2566 ขณะที่กรรมการ 1 ท่านเห็นว่าควรปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ต่อปีเพื่อให้สอดคล้องกับศักยภาพทางเศรษฐกิจที่ขยายตัวต่ำลงจากปัจจัยเชิงโครงสร้างที่ชัดเจนขึ้น และจะมีส่วนช่วยบรรเทาภาระของลูกหนี้ได้บ้าง

ปัจจัยลบ

- ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 35.21 จุด หรือ -0.09% หลัง FED ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียวในปีนี้ อย่างไรก็ดี ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 3 หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาด
 

 

- รัฐบาลสหรัฐประกาศยกระดับมาตรการคว่ำบาตรการขายชิป เซมิคอนดักเตอร์และสินค้าอื่น ๆ ให้แก่ รัสเซีย โดยมุ่งเป้าไปที่ ผู้ค้าบุคคลที่สามในจีนและประเทศอื่น ๆ เพื่อสกัดรัสเซียไม่ให้ นำชิปไปใช้ผลิตอาวุธสงครามที่ใช้รบกับยูเครน
- คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของสหภาพยุโรป (EU) ประกาศเรียกเก็บภาษีพิเศษต่อรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่มีการนำเข้าจากจีน โดยระบุว่ารถยนต์ดังกล่าวได้รับประโยชน์อย่างมากจากการอุดหนุนที่ไม่เป็นธรรมจากรัฐบาลจีน และ ถือเป็นภัยคุกคามทางเศรษฐกิจต่อผู้ผลิตรถยนต์ EV ในยุโรป

แนวโน้มตลาดวันนี้    

คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นตามตลาดภูมิภาค หลังสหรัฐเปิดเผยว่าดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 3.3%YoY ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอ่อนตัวลง เป็นบวกต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ดัชนีในวันนี้ที่ 1,310 -1,325 จุด

กลยุทธ์การลงทุน     

• สินค้าส่งออกเดือน เม.ย. เติบโตดี : AAI ITC STA NER TRUBB XO TFG BTG

• คาดหุ้นเข้าคำนวณ SET50 เข้า : BCP BJC ITC TIDLOR ออก : BANPU COM7 KCE SAWAD SET100 เข้า : BA BJC CKP JAS MBK PRM QH SKY TIPH ออก : AURA BYD FORTH MOSHI NEX ORI SNNP THG TKN

• มาตรการลดภาษีเที่ยวเมืองรอง : ERW CENTEL BA AAV TNP CPALL

• FTSE Rebalancing มีผลปิดตลาด 21 มิ.ย. : FTSE SET Large Cap หุ้นเข้า : BH หุ้นออก : BJC Mid Cap หุ้นเข้า : BJC, BTSGIF, ICHI หุ้นออก : BEC, BH, NEX, SABUY, SCAP,SUPER, TPIPL

 

 

 

หุ้นรายงานพิเศษ  

TIDLOR ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 25.10 บาท
upside 33% แนะนำ "ซื้อ/แลกหุ้น"

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก CPI สหรัฐต่ำกว่าตลาดคาด

•ที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติแผนการปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดตั้งบริษัทมหาชนจำกัดแห่งใหม่ คือ บมจ. ติดล้อ โฮลดิ้งส์ เพื่อประกอบธุรกิจเป็นบริษัทลงทุน (Holding Company) เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจสินเชื่อและนายหน้าประกันรวมทั้งขยายไปยังธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการมีพันธมิตรทางธุรกิจผ่านการควบรวมกิจการหรือการร่วมลงทุน โดยจะดำเนินการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดโดยแลกเปลี่ยน กับหุ้นสามัญ ในอัตราการแลกหลักทรัพย์ 1:1 ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วง 4Q67 โดยบมจ.ติดล้อ โฮลดิ้งส์ จะใช้ชื่อย่อเดียวกันคือ TIDLOR

•ผลการดำเนินงานใน 2Q67 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากงวด 1Q67 ที่ทำได้ ดีกว่าเป้า สินเชื่อ +21%YoY เบี้ยรับประกันภัย +23%YoY ซึ่งมีกำไรสุทธิในงวด 1Q67 เท่ากับ 1,104 ล้านบาท +16%YoY +23%QoQ ทำสถิติสูงสุดใหม่และดีกว่าคาดการณ์ consensus 9.5% ตามการเติบโตต่อเนื่องทั้งธุรกิจสินเชื่อ (สินเชื่อ +20%YoY, +3%QoQ) และนายหน้าประกันภัย (เบี้ยรับประกันภัย +23%YoY) %NPL=1.6% Coverage Ratio อยู่ที่ระดับสูง 264% ขณะที่ credit cost ลดเหลือ 3.28% จากระดับสูงสุดที่ 4.22% ใน 4Q66 ปี 67 มีเปัาเติบโต 10-20% ทั้งธุรกิจสินเชื่อและนายหน้าประกัน

ความเห็น ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกต่อปัจจัยพื้นฐานในระยะยาวจากการเป็นผู้นำในธุรกิจจำนำทะเบียนมีส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 30% และการที่ TRIS จัดอันดับเครดิตที่ “A/Stable” เป็นระดับ Investment Grade ซึ่งระบุว่าไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากการปรับ โครงสร้างองค์กร แนะนำ “ซื้อ/แลกหุ้น”

หุ้นมีข่าว

(-) EA (ถือ ราคาเหมาะสม 35 บาท) ทริสเรทติ้งลดอันดับเครดิตองค์กรของ บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) และอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของบริษัทเป็นระดับ "BBB+" จาก "A-" ในขณะที่ยังคงแนวโน้มอันดับเครดิต "Negative" หรือ "ลบ" เช่นเดิม พร้อมกันนี้ ทริสเรทติ้งยังจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 5.5 พันล้านบาทของบริษัทที่ระดับ "BBB+" ด้วย โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้รับจากการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ไปใช้ในการไถ่ถอนหุ้นกู้ที่กำลังจะครบกำหนดชำระในเดือนสิงหาคมและเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ (ที่มา อินโฟเควสท์)

(+) EKH (Bloomberg consensus 9.25 บาท) ส่งสัญญาณครึ่งปีหลังธุรกิจขยายตัวต่อเนื่อง หนุนรายได้และกำไรเติบโตแข็งแกร่ง จากแนวโน้มผู้ป่วย OPD - IPD เพิ่มขึ้น รวมถึงศูนย์ผู้มีบุตรยากมี ผู้มาปรึกษามากขึ้น พร้อมเดินหน้าลงทุนธุรกิจสุขภาพ เพื่อต่อยอดธุรกิจหลัก-กระจายฐานรายได้ในอนาคต มั่นใจรายได้ปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 7% (ที่มา ทันหุ้น)

(+) BAM (Bloomberg consensus 8.90 บาท) คาดผลเรียกเก็บเงินสดไตรมาส 2/2567 เติบโตได้ต่อเนื่องหลังลูกหนี้ NPL กลับมาผ่อนชำระได้ปกติ ขณะที่ยอดขาย NPA ยังเติบโตหลังปรับกลยุทธ์แก้ปัญหาการปฏิเสธสินเชื่อของสถาบันการเงินได้ เดินหน้าจัดแคมเปญกระตุ้นยอดขาย มั่นใจผลเรียกเก็บทั้งปีชนเป้า 2 หมื่นล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) SC (Bloomberg Consensus 3.80 บาท) ยืนยันเดินตามแผนปีนี้เปิด 17 โครงการ 3 หมื่นล้านบาท ชี้ไตรมาส 2 เร่งเปิด 7 โครงการดันครึ่งปี 9 โครงการ ส่วนครึ่งปีหลังเปิดเพิ่มอีก 8 โครงการ ยอมรับยอดรีเจ็กต์เรตสูงขึ้น แต่ยังดีกว่าอุตสาหกรรมเหตุพอร์ตบ้านเกิน 10 ล้านบาทสูง คงเป้าหมายยอดขายปีนี้ที่ 28,000 ล้านบาท รายได้ 26,500 ล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)