วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก CPI ต่ำกว่าคาด

เฟดอาจลดอัตราดอกเบี้ย แม้เงินเฟ้อยังไม่ปรับตัวเข้าสู่ระดับเป้าหมาย 2% มีแรงซื้อในหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ นำโดย DELTA ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,329.37 จุด +6.09 จุด +0.46% มูลค่าการซื้อขาย 40,298.5 ลบ. Program Trading +81.6 ลบ. ต่างชาติ -584.1 ลบ. TFEX +19,566 สัญญา ตราสารหนี้ +1,535.8 ลบ.

ปัจจัยบวก    

+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 32.39 จุด หรือ +0.08% ส่วนดัชนี Nasdaq ดิ่งลงหนัก ตลาดถูกกดดันจากการที่นักลงทุนเทขายหุ้นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ และหันไปซื้อหุ้นบริษัทขนาดเล็ก หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาดและทำให้ตลาดคาดการณ์ว่า FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.
+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 69 เซนต์ หรือ +0.85% ปิดที่ 82.10 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบและน้ำมันเบนซินลดลงมากกว่าคาด แต่ราคาน้ำมันบวกไม่มากหลังมีรายงานว่าพายุเฮอร์ริเคนเบริล (Beryl) ส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันเพียงเล็กน้อย
+ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค เพิ่มขึ้น 3%YoY ในเดือนมิ.ย. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ +3.1% จาก +3.3% ในเดือนพ.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ +3.4% จากระดับ 3.4% ในเดือนพ.ค.
+ FedWatch Tool บ่งชี้ว่านักลงทุนให้น้ำหนักมากกว่า 90% ที่ FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 74% ในวันพุธ (10 ก.ค.)
+ รมช.คลัง เปิดเผยว่า ผลดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ภาคอสังหาริมทรัพย์ ทั้งมาตรการสินเชื่อและค่าธรรมเนียมช่วงที่ผ่านมาสามารถทำให้ภาคอสังหาฯ คึกคักเพิ่มขึ้นโดยในส่วนมาตรการภาษี มีมูลค่าโครงการเข้าร่วมแล้ว 3.3 หมื่นล้านบาท
 

 

+บอร์ดรถไฟฯ มีมติเห็นชอบปรับกรอบวงเงินโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อน (Missing Link) ช่วงบางซื่อ-หัวหมาก และสายสีแดงเข้ม ช่วงบางซื่อ-หัวลาโพง ระยะทาง 25.9 กม. เพิ่ม 416 ล้านบาท รวมเป็น 44,573.85 ล้านบาทจากกรอบวงเงินเดิมเมื่อปี 2559 ที่ 44,157.76 ล้านบาท

ปัจจัยลบ 

- โฆษกรัสเซียกล่าวว่าการขยายตัวขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) เข้าไปสู่ยูเครน ถือเป็นภัยคุกคามที่ไม่สามารถยอมรับได้ต่อความมั่นคงของรัสเซีย
- กระทรวงกลาโหมไต้หวันระบุผ่านโซเชียลมีเดียเอ็กซ์ (X) ว่าเครื่องบินรบจีนประมาณ 56 ลำบินข้ามเส้นแบ่งเขตแดนช่องแคบจีน-ไต้หวันใน ช่วงเช้าวานนี้ (11 ก.ค.) และเสริมว่า เครื่องบิน เรือ และระบบขีปนาวุธของไต้หวันถูกนำมาใช้เพื่อตอบโต้ความเคลื่อนไหวดังกล่าว
- สหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 17,000 ราย สู่ระดับ 222,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 236,000 ราย
- ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือนมิ.ย. 2567 ว่าปรับตัวลดลงจากระดับ 60.5 เป็น 58.9 ซึ่งลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 และ อยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือนนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2566 เป็นต้นมา
- สำนักข่าว NHK ของญี่ปุ่นรายงานว่า บริษัทฮอนด้า มอเตอร์มีแผนที่จะลดกำลังการผลิตรถยนต์มากกว่า 50% ในประเทศไทย ท่ามกลาง การแข่งขันที่ดุเดือดกับคู่แข่งจากจีนทั้งนี้ ฮอนด้ามีโรงงานประกอบรถยนต์ 2 แห่งในประเทศไทย โดยโรงงานในจังหวัดปราจีนบุรีจะยังคงทำการ ผลิตรถยนต์ต่อไป แต่บริษัทจะยุติการประกอบรถยนต์ในจังหวัดอยุธยาภายในสิ้นปี 2568 และหลังจากนั้นจะผลิตเฉพาะชิ้นส่วนรถยนต์เท่านั้น

แนวโน้มตลาดวันนี้   

 

 

คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นตามทิศทางตลาดต่างประเทศ โดยมีแรงหนุนจากสหรัฐรายงาน CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดต่ำกว่าที่ตลาดคาด ขณะที่นักลงทุนจับตาการประกาศงบของกลุ่มธนาคาร กรอบดัชนีวันนี้ที่ 1,320-1,340 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

• สินค้าส่งออกเดือน พ.ค. เติบโตดี : HANA KCE CCET AAI ITC STA NER
• หุ้น ESG Rating เด่น (AAA) : ADVANC BANPU CPF PTTGC SCC
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการลงทุน DATA CENTER และ CLOUD SERVICE : GULF ADVANC TRUE INSET ITEL
• หุ้นเด่น IAA : ADVANC AOT CPALL MINT TU

หุ้นรายงานพิเศษ  

KLINIQ "ซื้อ" (ราคาเหมาะสม 46.50 บาท)
"คาดกำไรสุทธิงวด 2Q67 ที่ 87 ลบ. +15%QoQ, +23%YoY"

•บริษัทเปิดสาขา KLINIQ SPA ที่เป็น Medical Spa เป็นกายภาพบำบัด ผสมผสาน กับบริการทางการแพทย์ โดยกลุ่มลูกค้าที่บริษัทตั้งเป้าเข้ามาใช้บริการเป็นลูกค้าต่างชาติ 60% และคนไทย 40% ซึ่งธุรกิจ Wellness เป็นธุรกิจที่มีโอกาสโต เนื่องจากเป็น เมกะเทรนด์ และตลาดเวลเนสมีขนาดใหญ่กว่าตลาดด้านความงาม 2-3 เท่า

•คาดการณ์รายได้จากการขายและบริการจำนวน 718 ลบ. +4%QoQ, +33%YoY S SSG ราว +12%YoY ตามจำนวนผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้น และการเพิ่มบริการใหม่ๆ ประกอบกับมีการเปิดสาขาใหม่ 3 สาขา มีสาขารวม 68 สาขา สมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้น(%GPM) ที่ระดับ 52.0% ปรับตัวเพิ่มขึ้น จากระดับ 50.4%ในงวด 1Q67 เนื่องจากไม่มีการเปิดสาขาจำนวนมากอย่างในงวด 1Q67 แต่ลดลงจากระดับ 54.9% ใน 2Q66 สาเหตุหลักจากการเติบโตของรายได้ THE KLINIQUE SURGERY CENTER และ L.A.B.X ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งมี %GPM ต่ำกว่าแบรนด์ THE KLINIQUE ส่งผลให้เราคาดบริษัท จะมีกำไรสุทธิงวด 2Q67 ราว 87 ลบ. +15%QoQ, +23%YoY โดยคาดการณ์ กำไรในช่วง 6M67F คิดเป็นสัดส่วน 44% ของประมาณการกำไรทั้งปี

•คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสมปี 67 เท่ากับ 46.50 บาท: ประเมินราคาเหมาะสมด้วยวิธี PEG Ratio ที่ 1 เท่า โดยคาดว่ากำไร ปี 67 จะเติบโต 27% YoY และคาดการณ์กำไรต่อหุ้นปี 67 เท่ากับ 1.66 บาทต่อหุ้น ได้ราคาเหมาะสมปี 67 เท่ากับ 46.50 บาท มีอัพไซต์จากราคาปัจจุบันราว 12% คาดการณ์ Dividend Yield ในอนาคตราว 3.2% ต่อปี เราจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”

หุ้นมีข่าว

(+) THCOM (Bloomberg consensus 16.70 บาท) เผยงบครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งปีแรก เดินหน้าแผนลงทุนดาวเทียม พร้อมหาลูกค้าเพิ่ม มองโอกาสจาก Cloud AI ต่อยอดฐานลูกค้า ล่าสุดเปิดตัวแพลตฟอร์ม 'CarbonWatch' เครื่องมือประเมินคาร์บอนเครดิต ด้วยเทคโนโลยีดาวเทียม และ AI ได้รับการรับรองรายแรกในไทย ดันธุรกิจ Space Tech คาด 2-3 ปี มีสัดส่วนรายได้เป็น 20% จากปีนี้ราว 1% หรือ 100 ล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) MAGURO (Bloomberg Consensus - บาท) แตกไลน์ร้านสุกียากี้ภายใต้แบรนด์ "HITORI SUKIYAKI" หลังได้รับการตอบรับล้นหลาม ชูกลยุทธ์เจาะกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมียมกำลังซื้อสูง ด้านผู้บริหารเผยพร้อมขยายธุรกิจต่อเนื่อง มั่นใจรายได้ปีนี้โตตามเป้า 30% (ที่มา ทันหุ้น)

(+) SCAP (Bloomberg Consensus - บาท) มั่นใจเกณฑ์ปล่อยสินเชื่อ ติดตามทวงถามหนี้ สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ ธปท. มั่นใจปีนี้พอร์ตโตอย่างน้อย 15% จากปี 2566 อยู่ที่ 3.4 หมื่นล้านบาท เน้นคุมคุณภาพหนี้ เพื่อสร้างฐานกำไรระยะยาว ด้านธุรกิจกัมพูชาทิศทางที่ดีพร้อมเดินหน้าขยายสาขาตามแผน (ที่มา ทันหุ้น)

(+) SISB (Bloomberg Consensus 44.50 บาท) เตรียมเปิดปีการศึกษาใหม่เดือนสิงหาคมนี้ คาดนักเรียนเพิ่ม 400 คน หนุนทั้งปีแตะ 4.6 พันคนตามเป้า วางงบ 500 ล้านบาท ลุยขยายที่นั่งอีก 1.8 พันที่นั่ง มั่นใจรายได้ปีนี้คาดเติบโต 20-25% เหตุ "นักเรียน-ค่าเทอม" เพิ่ม (ที่มา ทันหุ้น)