วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.กรุงศรี CENTEL คาดว่ากำไรปกติจะพุ่งขึ้น yoy
เราคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 47 บาทสำหรับหุ้น CENTEL ด้วยเหตุผลดังนี้ (i) คาดว่ากำไรปกติจะเติบโต 173% yoy ใน 2Q24F(-67% qoq) โดยได้แรงหนุนจากการดำเนินงานโรงแรม (ในประเทศไทยและการฟื้นตัวในญี่ปุ่น) รวมถึงธุรกิจอาหารที่เป็นกระแสเงินสดหลัก
(ii) ราคาหุ้นได้ปรับตัวลงสะท้อนความกังวลด้านลบและค่าใช้จ่ายก่อนการเปิดโรงแรมใหม่สองแห่งในมัลดีฟส์ใน 2H24F ไปแล้ว ปัจจุบัน CENTEL ซื้อขายที่ PER 38 เท่าในปี 2567 แต่จะลดลงเหลือ 31 เท่าในปี 2568 ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต
คาดกำไรปกติใน 2Q24F เพิ่มขึ้น 173% yoy ลดลง 67% qoq เป็น 248 ล้านบาท
การเติบโตเมื่อเทียบ yoy เกิดจาก (i) ธุรกิจโรงแรม: รายได้คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 10% yoy เป็น 2.2 พันล้านบาท โดยได้รับแรงหนุนจาก RevPar ที่เพิ่มขึ้น 20% เป็น 3,674 บาท/คืน นำโดยประเทศไทย (+8% yoy นำโดยกรุงเทพฯ), ดูไบ (+16%) และการฟื้นตัวในญี่ปุ่นด้วยอัตราค่าห้องที่สูงขึ้น อัตรากำไร EBITDA ควรเพิ่มขึ้นเป็น 32% จากการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานและการลดต้นทุน (ii) รายได้ธุรกิจอาหารคาดว่าจะเติบโต 6%yoy โดยได้รับแรงหนุนจาก SSSG ที่เพิ่มขึ้น 2% yoy ในขณะที่อัตรากำไร EBITDA จะคงที่ที่ 19% โดยรวมแล้ว EBITDA หลักของกลุ่มควรเติบโต 16% yoy เป็น 1.3 พันล้านบาท และอัตรากำไร EBITDA แบบผสมควรเพิ่มขึ้นเป็น 24.4% จาก 22.6% ใน 2Q23 อันเป็นผลมาจากอัตรากำไรที่สูงขึ้นที่ธุรกิจโรงแรม
คาดกำไรครึ่งหลังปี 2567 จะเติบโต yoy แต่ลดลง qoq จากค่าใช้จ่ายก่อนเปิดโรงแรม
เราคาดว่ากำไรครึ่งแรกของปี 2567 จะอยู่ที่ 998 ล้านบาท (+43% yoy) ซึ่งคิดเป็น 67%ของประมาณการทั้งปีของเรา สำหรับ 3Q24F คาดกำไรหลักจะพุ่งขึ้น yoy แต่ลดลง qoq เนื่องจากการดำเนินงานของโรงแรมที่อ่อนแอตามฤดูกาล ขณะเดียวกัน ค่าใช้จ่ายก่อนการเปิดโรงแรมในมัลดีฟส์อาจกดดันกำไรใน 1H24F เราคงประมาณการกำไรปี 2024F ที่ 1.5 พันล้านบาท (+34% yoy) และมีแนวโน้มที่ดีสำหรับปี 2025F เนื่องจากกำไรจะเริ่มเร่งตัวขึ้นจากการกลับมาดำเนินงานเต็มรูปแบบที่โรงแรมในพัทยาและภูเก็ต (15% ของรายได้)
รวมถึงการมีส่วนร่วมจากโรงแรมใหม่สองแห่งในมัลดีฟส์
ยังคงแนะนำ "ซื้อ" ที่ราคาเป้าหมาย 47 บาท
เราประเมินมูลค่าที่เหมาะสมของ CENTEL ที่ 47 บาท อิงจาก DCF (WACC 7%, Rf 3.5%, Risk premium 8% และ Beta 1 เท่า เราคาดว่า CENTEL จะสร้างการเติบโตของกำไรที่แข็งแกร่งที่สุดในอุตสาหกรรมนี้นี้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ที่ CAGR 20% ต่อปีในช่วงปี 2024-26F ซึ่งจะทำให้มูลค่าการประเมินลดลงเหลือ PER 31 เท่าในปี 2025F และ 26 เท่าในกำไรปี 2026F