วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ เลือกเก็งกำไรรายตัวในกลุ่มงบดี และได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง
แรงขายทำกำไรกลุ่มเทคโนโลยีและการปรับเพิ่มของดัชนีความเสี่ยงกดดันต่อตลาด DJIA (+0.59%), S&P500 (-1.39%), Nasdaq (-2.77%) หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสหรัฐฯ ปรับลดลง -3.72%
ขณะที่ดัชนีกลุ่มเซมิคอนดัคเตอร์ (Philadelphia Semiconductor Indec: SOX) ปรับลดลง -6.81% ลดลงวันเดียวมากที่สุดนับจาก มี.ค.63 โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มชิปถูกกดดันจากรายงานข่าวว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดนกำลังพิจารณาบังคับใช้มาตรการที่เข้มงวดกับบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยี หากบริษัทเหล่านี้ยังคงอนุญาตให้บริษัทจีนเข้าถึงเทคโนโลยีของสหรัฐฯ (อาจมีการควบคุมสินค้าเทคโนโลยีที่ถูกขายทางอ้อม หรือผ่านบริษัทอื่นไปยังจีน) ปัจจัยข้างต้นทำให้ดัชนีความผันผวน (VIX index) ปรับขึ้น 9.62% สู่ระดับ 14.47 จุด จากระดับเพียง 12-13 จุด ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา
ผลประกอบการกลุ่มการเงินยังมีแรงกดดันจากหนี้เสีย เรามองผลประกอบการกลุ่มไฟแนนซ์และธนาคารโดยเฉพาะที่มีพอร์ตเช่าซื้อและตามเก็บหนี้จะยังได้รับแรงกดดันจากหนี้เสีย หลังเครดิตบูโรเปิดเผยหนี้เสียจากหนี้ครัวเรือน ช่วง 5 เดือนแรก เพิ่มขึ้น 1.14 ล้านล้าน โดยเฉพาะกลุ่ม 'รถยนต์-บ้าน-บัตรเครดิต' ยังไม่รวมหนี้ค้างชำระอีก 6.8 แสนล้าน ส่งผลให้ ยอดสินเชื่อรถ-บ้าน ปี 2567 มีแนวโน้มติดลบ 1-2%จากยอดปฏิเสธการกู้ที่สูงถึง 40-50% ปัจจัยดังกล่าวจะทำให้หุ้นในกลุ่มธนาคารและไฟแนนซ์ มีความเสี่ยงจากผลประกอบการ
กลุ่มอาหาร สื่อสาร ไฟฟ้า รีทส์ เป็นตัวเลือกที่ดีในช่วงนี้ กลุ่มอาหารโดยรวมยังมีโมเมนตัมของการปรับประมาณการกำไรเชิงบวก โดยเฉพาะกลุ่มผู้ผลิตเนื้อสัตว์ทั้งไก่และหมู ขณะที่ สื่อสาร ไฟฟ้า รีทส์ มีแนวโน้มรายงานผลประกอบการเชิงบวกและได้แรงหนุนจากดอกเบี้ยขาลง ซึ่งจะบวกทั้งต่อต้นทุนการเงินและ Valuation
ภาพรวมกลยุทธ์ เลือกเก็งกำไรรายตัว ช่วงสั้นหุ้นกลุ่มได้ประโยชน์จากลดดอกเบี้ยและมีกระแสเงินสดมั่นคง อาทิ สื่อสาร, ไฟฟ้า น่าสนใจ
แนวรับ: 1,310-1,316 / แนวต้าน : 1,330 จุด
สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%
หุ้นแนะนำ (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)
RATCH* (36) : ผลประกอบการไตรมาส 2-3/67 แข็งแกร่ง จากการรับรู้รายได้จากทั้งโรงไฟฟ้าหินกองและไพธอน ราคาปัจจุบันซื้อขายที่ PER ปีนี้ 8 เท่า และปันผล 6% ตัดขาดทุน 27 บาท
BTG* (27) : ผลประกอบการมีโอกาสฟื้นตัวจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น ตามราคาหมูที่ฟื้นตัว และคาดได้ประโยชน์จากนโยบายหระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ตัดขาดทุน 22.50 บาท
3BBIF* (6.50) : กลุ่มกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ได้ประโยชน์ด้าน Valuation จากดอกเบี้ยขาลง ขณะที่การปรับโครงสร้างในกลุ่มของ GULF-INTUCH เป็นปัจจัยบวกระยะยาวต่อการมีสินทรัพย์ที่จะขายเข้ากองเพิ่มเติม ตัดขาดทุน 5.35 บาท
TNP* (5) : ผลประกอบการยังอยู่ในโมเมนตัมกำไรที่ดีขึ้น และกำลังซื้อที่น่าจะดีขึ้นจากทั้งค่าแรงขั้นต่ำและดิจิทัลวอลเล็ต ตัดขาดทุน 3.40 บาท
ประเด็นที่น่าสนใจ
- ททท.ย้ำวางยา 6 นทท.เวียดนาม ไม่กระทบ การท่องเที่ยวชาวเวียดนามเสียชีวิต 6 ราย ที่ รร.แกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ
- สมาคม บลจ. มีมติจัด EA อยู่ใน Restricted List สหรัฐเผยยอดค้าปลีกสูงกว่าคาดในเดือนมิ.ย.
- ศาลรัฐธรรมนูญ นัดแถลงด้วยวาจา ลงมติ คดียุบพรรคก้าวไกล 7 ส.ค.67
- คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมวงเงิน 1.22 แสนล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต
- อัตราว่างงานเยาวชนจีนอยู่ที่ 13.2% ในมิ.ย. 67 แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ธ.ค. 66
- 5 อันดับแรกมูลค่าขายชอร์ตมากสุด GULF-R, DELTA-R, ADVANC, GULF, DELTA
- 5 อันดับแรก มูลค่า Short Covering HANA, HANA-R, TOP, TOP-R, KTC
- ERW คงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมายที่ 6.50 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
19 ก.ค. – JP Inflation Rate (June)