วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก นัดพิจารณาคดีนายก
วันอังคารที่ผ่านมาดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบ ได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนทางการเมือง โดยวันนี้ศาลรัฐธรรมนูญนัดพิจารณาคดีนายกเศรษฐา และรมว.คลัง นัดแถลงรายละเอียดโครงการ ดิจิทัลวอลเล็ต มีแรงขายมากในหุ้นกลุ่มพลังงาน
จากภาครัฐตึงค่าไฟที่ 4.18 บาทถึงสิ้นปี และคงเพดานดีเซลที่ 33 บาท ถึงต.ค.67 ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,301.54 จุด -15.60 จุด -1.18% มูลค่าการซื้อขาย 40,319.60 ลบ. Program Trading -351.19 ลบ. ต่างชาติ +70.57 ลบ. TFEX -22,349 สัญญา ตราสารหนี้ -572.01 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ ดัชนีดาวโจนส์ปิด ลดลง 57.35 จุด หรือ -0.14% ถูกกดดัน จากผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทจดทะเบียนซึ่งรวมถึงยูไนเต็ด พาร์เซิล เซอร์วิส (UPS) ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่อย่าง อัลฟาเบทและเทสลา รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐ ในสัปดาห์นี้
+ รัฐบาลอินเดียประกาศเดินหน้าใช้จ่ายเงินจำนวนมหาศาล ถึง 11.11 ล้านล้านรูปี (1.3285 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานสำหรับปีงบประมาณที่สิ้นสุด ในเดือนมี.ค. 2568 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างงาน
+ กระทรวงการคลังเตรียมออกมาตรการกระตุ้น ภาคอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติม เพื่อดูแลอสังหาริมทรัพย์ที่มี ยอดค้างสต็อกเหลืออยู่จำนวนมาก โดยอยู่ระหว่างรอ ความเห็นชอบจากที่ประชุม ครม.
+ที่ประชุมครม.มีมติตรึงค่าไฟ 4.18 บาทถึงปลายปี พร้อมกำหนดเพดานขายดีเซล 33 บาทต่อลิตร ไปถึง 31 ต.ค.
ปัจจัยลบ
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 1.44 ดอลลาร์ หรือ -1.84% ปิดที่ 76.96 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการเจรจาหยุดยิงในฉนวนกาซา และความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันที่ชะลอตัวลงในประเทศจีน
- ธนาคารกลางสหรัฐสาขาฟิลาเดลเฟีย เปิดเผยดัชนีภาคบริการในภูมิภาคมิด-แอตแลนติก ดิ่งลงสู่ระดับ -10 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2566 จากระดับ +15.1 ในเดือนมิ.ย.
- กลุ่มงานอีไอซี ธนาคารไทยพาณิชย์ ชี้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้า คงเป้า GDP ปี 67 +2.5% กังวลกำลังซื้อเปราะบาง ทั่วโลก ลดดอกเบี้ย คุมต้นทุน-เงินเฟ้อนิ่ง
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้ยังแกว่งตัวผันผวนระหว่างวัน โดยมีประเด็นการเมืองสำคัญที่ต้องจับตาคือ ศาลรัฐธรรมนูญนัดพิจารณาคดีนายกเศรษฐา และรมว.คลัง นัดแถลงรายละเอียดโครงการดิจิทัลวอลเล็ต คาดกรอบดัชนีวันนี้ที่ 1,290-1,310 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• หุ้น ESG Rating เด่น (AAA) : ADVANC BANPU CPF PTTGC SCC
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการลงทุน DATA CENTER และ CLOUD SERVICE : GULF ADVANC TRUE INSET ITEL
• หุ้นเด่น IAA : ADVANC AOT CPALL MINT TU
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก Bond Yield อ่อนตัว : SAWAD MTC TIDLOR BGRIM GPSC GULF
• หุ้นได้ประโยชน์จากนโยบาย Digital Wallet ได้แก่ CPALL BJC CRC DOHOME GLOBAL HMPRO
หุ้นรายงานพิเศษ
กลุ่มธนาคาร น้ำหนักการลงทุน "Underweight"
•หุ้นกลุ่มธนาคารายงานกำไรสุทธิงวด 2Q24 เท่ากับ 6.37 หมื่นล้านบาท +2%YoY -0.4%QoQ จากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ เติบโตจาก yield ของพอร์ตสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นชดเชยต้นทุนที่เพิ่มขึ้น (แต่แลกด้วยความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น) ส่วนรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเติบโตจากกำไรจากเงินลงทุนแต่ถูกกดดันจากภาวะซบเซาของตลาดทุน โดยมีประเด็นกังวลที่สำคัญจากผลขาดทุนด้านเครดติต ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) ที่เพิ่มขึ้นจากคุณภาพของลูกหนี้ที่อ่อนแอ
•ความเห็น : ฝ่ายวิจัยปรับน้ำหนักการลงทุนหุ้นกลุ่มธนาคารจากเดิม “Neutral” เป็น “Underweight” โดยมีมุมมองบวก ต่อปัจจัยพื้นฐานในระยะยาวจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่ในระยะสั้นยังมีปัจจัยลบเรื่อง ECL คาดจะสะท้อนให้เห็น ในงบการเงินงวด 3Q67 ราคาหุ้นที่ปรับลงมากทำให้ PBV เฉลี่ยของกลุ่มที่ 0.59 เท่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต แนะนำ “ซื้อ” BBL, KBANK, KTB, TTB และ “ถือรอรับเงินปันผล” สำหรับ TISCO
หุ้นมีข่าว
(+) CK (Bloomberg Consensus 26.75 บาท) คว้างานสายสีส้ม Backlog แตะ 2.5 แสนล้านบาท ทำสถิติสูงสุดใหม่ มั่นใจคุมต้นทุนวัสดุก่อสร้าง-ค่าแรงได้อย่างมีประสิทธิภาพ รักษาอัตรากำไรขั้นต้นเติบโตต่อเนื่อง ย้ำชัดเดินหน้าชิงโครงการภาครัฐบาลทั้งรถไฟทางคู่ มอเตอร์เวย์ และส่วนต่อขยาย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิหนุนอนาคตแข็งแกร่ง (ที่มา ทันหุ้น)
(+) AAV (Bloomberg Consensus 3.14 บาท) เดินหน้าเปิดเส้นทางบินระหว่างประเทศ เล็งไตรมาส 3/2567 ลุยเปิด 6 เส้นทางสู่อินเดีย-กัมพูชา จ่อรับมอบเครื่องบิน Airbus A321 neo เสริมฝูงบิน เล็งเปิดเส้นทางบินตรงไปจีนเพิ่มอย่างน้อย 2 เส้นทาง มั่นใจทั้งปี 2567 ขนส่งผู้โดยสารเส้นทางระหว่างประเทศ 8-9 ล้านคน เพิ่มขึ้น 20-25% จากอัตราขนส่งรวมที่ 21-22 ล้านคน (ที่มา ทันหุ้น)
(-) TKN (Bloomberg Consensus 13.50 บาท) ต้นทุนสาหร่ายพุ่ง 50% อาจกระทบงบในครึ่งปีหลัง เตรียมแผนรับมือได้ เน้นบริหารจัดการต้นทุน มุ่งรักษาอัตรากำไร เพิ่มพอร์ตสินค้า Non-Seaweed พร้อมเดินหน้าขยายตลาดต่างประเทศที่มีการเติบโตสูง และคงเป้ายอดขายปีนี้เติบโต 15% ด้านโบรกเชื่อปี 2568 ราคาสาหร่ายกลับเข้าโหมดปกติ (ที่มา ทันหุ้น)
(+) CHAO (Bloomberg Consensus - บาท) เร่งขยายตลาดต่างประเทศเต็มสูบ มุ่งผลักดันแบรนด์ "เจ้าสัว" และแบรนด์ "โฮลซัม" สู่การเป็น Global Brand ยกระดับแบรนด์ไทยในตลาดระดับโลก พร้อมจับมือพันธมิตรส่งผลิตภัณฑ์กลุ่มฮาลาล (Halal) บุกตลาดประเทศ UAE และสินค้ากลุ่มฮาลาล (Halal) และกลุ่ม Non-Halal ขยายตลาดอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ปักธงดันสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเติบโตทะลุ 38% ภายในปี 2569 (ที่มา ทันหุ้น)