วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง US FOMC/BOJ Meeting
ทางเทคนิค คาด SET Index เคลื่อนไหว Sideways แนวต้าน 1,314 จุด (EMA 25 วัน)/1,320 จุด แนวรับ 1,301/1,295 จุด ภาพระยะสั้น ดัชนีฯ อยู่ในทิศทางไต่ขึ้นทดสอบแนวต้าน Neckline 1,332 จุด เพื่อยืนยันรูปแบบทิศทางขาขึ้น (Triple Bottom)
หลังจากวันศุกร์และวันจันทร์ที่ผ่านมา สามารถสร้างจุด Higher High และ Higher Low ขึ้นมาได้ ทำให้เกิดสัญญาณซื้อรอบใหม่ เราคงคำแนะนำ ซื้อเก็งกำไร โดยมีจุดขายตัดขาดทุน หากดัชนีฯ เกิด Lower Low ครั้งใหม่
ประเด็น Event สำคัญวันนี้
US: 2Q24E Earnings Results จับตา รายงานผลกำไร META คาด EPS USD 4.7 Vs Previous USD 2.98; Mastercard คาด EPS USD 3.52 Vs Previous USD 2.89; Qualcomm คาด EPS USD2.25 Vs Previous USD 1.87; LAM Research คาด EPS USD7.56 Vs Previous USD 5.98; Boeing คาด EPS USD -1.52 Vs Previous USD -0.82 ฯลฯ
TH 2Q24E Earnings Results: SCCC คาดรายงานกำไร เติบโต 0%YoY -43.5% QoQ เป็น 656 ล้านบาท (TP BB Consensus 154.75 บาท)
TH: สภาผู้แทนฯ พิจารณาวาระ 2 และ 3 ร่างพรบ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณปี 2567 จำนวน 1.2 แสนล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต
- BOJ Meeting: ตลาดให้โอกาส 44% ที่ BOJ จะปรับขึ้นดอกเบี้ย 10 bps เป็น 0.1-0.2% ในการประชุมครั้งนี้ เพื่อสนับสนุนเงินเยนแข็งค่าขึ้นเทียบกับค่าเงิน USD และลดแรงกดดันของเงินเฟ้อที่สูงกว่าเป้าหมาย 2%
*US FOMC Meeting: ตลาดคาดคงดอกเบี้ยที่ระดับ 5.5% แต่จับตาสัญญาณหลังประชุมต่อแนวโน้มปรับลดดอกเบี้ยลงครั้งแรกในการประชุมเดือน ก.ย. ทั้งนี้ อิงผลสำรวจ FMS เดือน ก.ค. พบว่า 84% ของผลสำรวจ (จาก 78% ในเดือน มิ.ย.) คาดเฟดปรับลดดอกเบี้ยอย่างน้อย 2 ครั้งในช่วง 12 เดือนข้างหน้า และ 40% (จาก 33% ในเดือน มิ.ย.) คาดปรับลดลงดอกเบี้ย 3 ครั้ง
ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ
-CH รายงานภาคการผลิตและภาคบริการ โดยสำนักสถิติแห่งชาติ (NBS) เดือน ก.ค. คาดลดลงเป็น49.3/50.2 (Vs เดือน มิ.ย. 49.5/50.5) โดยเฉพาะภาคการผลิตมีความเสี่ยงที่จะถูก Downward Revision อิงกับ Trading Economics ที่คาดว่าจะปรับตัวขึ้นไปสู่ระดับขยายตัวที่ 50 จุดในเดือน ก.ย. และ 51 จุดในเดือน ธ.ค. สะท้อนเศรษฐกิจจีนอาจเติบโตได้ต่ำกว่าระดับเป้าหมาย 5% หากไม่มีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
+EU รายงาน เงินเฟ้อเดือน ก.ค. คาด -0.3% MoM +2.3% YoY (Vs เดือน มิ.ย. 0.2% MoM +2.5% YoY) ทั้งนี้ตลาดคาดเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงต่อเนื่อง และลดลงมาที่ 1.9% YoY ในเดือน ธ.ค. 2024 ซึ่งเพิ่มโอกาสต่อ ECB ในการทยอยปรับลดดอกเบี้ยนโยบายปีนี้ลงได้อีก 2 ครั้ง
*US: รายงานจ้างงานภาคเอกชน (ADP Employment Chg) เดือน ก.ค. คาด +149k (Vs เดือน มิ.ย. +150k) ส่วน Pending Home Sales เดือน มิ.ย. คาดดีขึ้น +1.3% MoM (Vs เดือน พ.ค. -2.1% MoM) สะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจอยู่ในภาวะขยายตัว เพิ่มโอกาสต่อการเกิด Soft Landing Economy
TH รายงาน Current Account เดือน มิ.ย. คาด +USD0.75bn. (Vs เดือน พ.ค. +USD0.7bn.) โดย Private Consumption เดือน มิ.ย. คาดดีขึ้นเป็น +0.7% YoY (Vs เดือน พ.ค. +0.3% YoY) และ Private Investment เดือน มิ.ย. คาดดีขึ้นเป็น +0.8% YoY (Vs เดือน พ.ค. -3% YoY)
กลยุทธ์ลงทุน แนะนำหุ้นที่มีประเด็นบวก ได้แก่ PSL KCE GULF
Strategic daily picks
PSL ปิด 8.25 บาท/แนวรับ 7.90 บาท แนวต้าน 8.75 บาท
KTX เชื่อว่าธุรกิจการขนส่งทางทะเลกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นที่มีคุณภาพ ในระยะสั้น อุตสาหกรรมเรือเทกองกำลังอยู่ในช่วงกลางของวัฏจักรขาขึ้นตามฤดูกาล ที่จะอยู่ในช่วงเดือน ก.พ.–ต.ค. ซึ่งโดยปกติดัชนีจะค่อนข้างแข็งแกร่งในไตรมาสที่ 3 ของปี ทั้งนี้ KTX ประเมินมูลค่าเหมาะสม 12M FWD ที่ 11.40 บาท อิงจากผลตอบแทนที่คาดหวัง 8.52%
KCE ปิด 44.75 บาท/แนวรับ 43.25 บาท แนวต้าน 47.25 บาท
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติดำเนินการปรับโครงสร้างกิจการของกลุ่มบริษัท โดยรวมธุรกิจ KCEI (บริษัท เค ซี อี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด) เข้ากับธุรกิจของบริษัท ด้วยการรับโอนกิจการทั้งหมด (Entire Business Transfer) โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 2024 ซึ่งการปรับโครงสร้างดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานหรือฐานะการเงินของบริษัทแต่อย่างใด ทั้งนี้ Bloomberg Consensus ประมาณการกำไรสุทธิ 2Q24 ที่ 556 ล้านบาท (+47.8% YoY) และมูลค่าเหมาะสม 49.52 บาท
GULF ปิด 48.25 บาท/แนวรับ 47.00บาท แนวต้าน 51.00 บาท
KTX มองการควบรวม Amalgamation ดังกล่าว จะเป็น win-win situation สำหรับ GULF (ผู้นำด้านธุรกิจพลังงาน) และ INTUCH (ผู้นำด้านโทรคมนาคม) โดยคาด NewCo จะมีศักยภาพการขยายการลงทุน ภายใต้ฐานทุนที่ใหญ่ขึ้น และอัตราส่วน D/E ที่ลดลง ซึ่งในเบื้องต้นหากใช้ Bloomberg TP ของ GULF (55 บาท) และ INTUCH (80 บาท) KTX คาด FV ของ NewCo จะอยู่ที่ 60 บาท