วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ เงินทุนไหลเข้าพักในสินทรัพย์ปลอดภัย
การชะลอตัวของตลาดแรงงานสหรัฐฯ ทำให้เกิดความกังวลต่อเศรษฐกิจถดถอย โดยล่าสุด ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Non-farm payroll) ก.ค.ออกมาที่ 114,000 ตำแหน่ง (ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 175,000 ตำแหน่ง และต่ำกว่าเดือนก่อนหน้าที่ 179,000 ตำแหน่ง)
และอัตราการว่างงาน (Unemployment rate) ก.ค.อยู่ที่ 4.3% (สูงกว่าคาดการณ์และเดือนก่อนหน้าที่ 4.1%) การชะลอของตัวเลขตลาดแรงงานสหรัฐฯ ทั้งนี้อัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้นจาก 3.8% ในเดือน เม.ย. เป็น 4.3% ในเดือนก.ค. ทำให้เกิดความกังวลว่าอาจไปสอดคล้องกับ Sahm rule ที่เป็นดัชนีพยากรณ์การเกิดเศรษฐกิจถดถอย (ค่าเฉลี่ย 3 เดือน สูงกว่าอัตราว่างงานต่ำสุดในรอบ 12 เดือน 0.5%) ปัจจุบันค่าเฉลี่ย 3 เดือน ของอัตราการว่างงานอยู่ที่ 4.13% และอัตราว่างงานต่ำสุดรอบ 12 เดือนอยู่ที่ 3.7% อย่างไรก็ตามหากอัตราว่างงาน ส.ค. ยังทรงตัวที่ 4.3% จะทำให้ค่าเฉลี่ยกลายเป็น 4.23% และจะเริ่มเข้าเงื่อนไขสอดคล้องต่อการเกิดเศรษฐกิจถดถอยได้
เงินเข้าสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะที่การขายหุ้น Apple ของวอเรนต์ บัฟเฟตต์จะทำให้ตลาดมองเรื่อง Valuation อย่างจริงจัง ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาหุ้นแนะนำของเราส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มหุ้นปลอดภัยที่มีลักษณะคล้ายพันธบัตร (โดยเฉพาะ ไฟฟ้า รีทส์) แรงขายทำกำไรหมุนกลุ่มในหุ้นโลกทำให้ต้องระวังประเทศหรือหุ้นที่ขึ้นมาเยอะ ขณะที่การเทขายหุ้น Apple ถึงเกือบ 50% ของที่เบิร์กไชร์ฮาธาเวย์ ถือ แม้จะเป็นการลดความเสี่ยง แต่ก็จะทำให้ตลาดเพิ่มความระมัดระวังต่อ valuation ของหุ้นมากขึ้น (บัฟเฟต์ซื้อที่ราคาประมาณ 25 ดอลลาร์ คิดเป็น PER 10 เท่า และขาย ณ ปัจจุบันที่ PER ประมาณ 33 เท่า) ทำให้ต้องระวังความผันผวนในกลุ่มที่ซื้อขายด้วย PER สูง และกำไรไม่ค่อยเติบโต
คงมุมมองบวกระยะกลาง-ยาวในหุ้นไทย ขณะที่ระยะสั้นกลุ่มปลอดภัยและได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลงคาดสามารถรับมือความผันผวนได้ เรายังคงมุมมองบวกต่อหุ้นไทยในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้า อย่างไรก็ตามความผันผวนระยะสั้นจากการที่ตลาดต้องการความมั่นใจว่าการชะลอของเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะไม่กระทบตลาดเกิดใหม่ ทำให้เงินมีโอกาสไหลเข้าพักในตราสารหนี้สหรัฐฯ และสินทรัพย์ปลอดภัย ซึ่งจะทำให้ตลาดระยะสั้นผันผวน แต่จะเป็นโอกาสลงทุนที่ดี
ภาพรวมกลยุทธ์ ระวังความผันผวนจากการขายทำกำไรสินทรัพย์เสี่ยง และการโยกเงินเข้าพักในสินทรัพย์ปลอดภัยที่อาจเกิดจากการ unwind yen carry trade คาดกลุ่มคล้ายพันธบัตร และได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง อาทิ ไฟฟ้า รีทส์ แกร่งกว่าตลาด ขณะที่ใชัจังหวะผันผวนสะสมหุ้นที่โมเมนตัมกำไรยังเป็นขาขึ้น อาทิ สื่อสาร, อาหาร และค้าปลีก
แนวรับ: 1,280-1,300 / แนวต้าน : 1,318 จุด
สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%
หุ้นแนะนำ (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)
• CPN* (62) : แนวโน้มผลประกอบการแข็งแกร่ง ได้ประโยชน์จากวัฏจักรการลดดอกเบี้ย และการเติบโตของนักท่องเที่ยว อีกทั้งผลประกอบการที่มีส่วนแบ่งจากการขายไม่ใช่แค่ค่าเช่า ตัดขาดทุน 54 บาท
• RATCH* (36) : ผลประกอบการไตรมาส 2-3/67 แข็งแกร่ง จากการรับรู้รายได้จากทั้งโรงไฟฟ้าหินกองและไพธอน ราคาปัจจุบันซื้อขายที่ PER ปีนี้ 8 เท่า และปันผล 6% ตัดขาดทุน 27 บาท
• 3BBIF* (6.50) : กลุ่มกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ได้ประโยชน์ด้าน Valuation จากดอกเบี้ยขาลง ขณะที่การปรับโครงสร้างในกลุ่มของ GULF-INTUCH เป็นปัจจัยบวกระยะยาวต่อการมีสินทรัพย์ที่จะขายเข้ากองเพิ่มเติม ตัดขาดทุน 5.35 บาท
• CPALL* (63) : หุ้นเด่นในกลุ่มค้าปลีก คาดผลประกอบการปี 2567 เติบโต 29% ได้ประโยชน์จากท่องเที่ยวและนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ตัดขาดทุน 55 บาท
ประเด็นที่น่าสนใจ
- สหรัฐเผยจ้างงานนอกภาคเกษตร +114,000 เดือนก.ค. ต่ำกว่าคาดการณ์
- BTS ปรับโครงสร้างใหญ่ เพิ่มทุน RO-ดึง 4 กองทุนถือหุ้น VGI พร้อมตั้งโต๊ะเทนเดอร์ RABBIT-ROCTEC
- BGRIM เผย"สมเกียรติ์ ศิริชาติไชย"-"เกตุวลี นภาศัพท์"ลาออกจากบอร์ด มีผล 31 ก.ค
- SAV อวด Q2/67 กำไรสุทธิโต 40% หลังเที่ยวบินกัมพูชากลับมาโตหนุนรายได้
- TRUE และบ.ย่อย ไตรมาส 2/67 ขาดทุนสุทธิลดลงเหลือ 1.88 พันลบ.
- BTS แนะนำ “ถือ” เป้า 4.47บาท/ IVL แนะนำ “ซื้อ” เป้า 22.50 บาท/ KTB แนะนำ “ซื้อ” เป้า 21.50 บาท/ PTT แนะนำ “ซื้อ” เป้า 37 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
5 ส.ค. – ISM Services PMI (Jul)