วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ WHA คาดการเติบโตชะลอในปีนี้
คาดรายได้ปี 2568 ฟื้นตัวเด่นหากการขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์ WHART ได้สำเร็จ
รายได้จากธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม (industrial estate: IE) บวกกับการขายสินทรัพย์ที่ 2.8 พันล้านบาทซึ่ง
เป็นสถิติสูงสุดในปี 2566 รวมกันอยู่ที่ 1.05 หมื่นล้านบาท โดยในปีนี้หลังจาก WHA จำเป็นต้องเลื่อนการ
ขายสินทรัพย์ราว 4 พันล้านบาทให้กองทรัสต์ WHA Premium Growth REIT (WHART.BK/WHART TB) ออกไปเป็นปี 2568 ทำให้รายได้ส่วนนี้ลดลง 22% YoY ขณะที่ ยอดขายที่ดินใน 1H67 ทรงตัว YoY ที่ 1049 ไร่ (46% ของเป้าทั้งปี) แต่ยอดการโอนที่ดินอาจพุ่งขึ้นเป็น +900 ไร่ (+25-27% YoY) ในด้านการลงทุนที่ได้รับการส่งเสริมจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (Board of Investment: BOI) และได้รับอนุมัติใน 1H67 เพิ่มขึ้น +35% และ+26% YoY มีมูลค่า 4.58 แสนล้านบาทและ 4.76 แสนล้านบาทตามลำดับ ในแง่บวก เราสังเกตเห็น upsides ทั้งยอดขาย/ยอดการโอนที่ดินเพราะ WHA กำลังพยายามปิดการขายที่ดินผืนใหญ่ราว 400 ไร่ สองแปลงในอีก 6 เดือนข้างหน้า ขณะที่ เราคาดยอดขายที่ดินปี 2567-68 อยู่ราว 2,500-2,600 ไร่ต่อปีและยอดการโอนที่ดินที่ 2,200 ไร่ต่อปี โดยอุปสงค์ที่ดินจะมาจากอุตสาหกรรมหลัก ๆ เช่น กลุ่มอิเล็คทรอนิกส์, กลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วน, กลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์ และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค เป็นต้น ทั้งนี้ backlog รอการโอนและยอดขายที่ดิน ณ สิ้น 1Q67 อยู่ที่ 1,087 ไร่และ 43,200 ไร่ ตามลำดับ
การเติบโตอย่างต่อเนื่องของธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ
รายได้ที่ไม่ใช่จากธุรกิจนิคม คือรายได้จากธุรกิจสาธารณูปโภค/ไฟฟ้า/ค่าเช่า (40% ของรายได้รวมในปี
2567F-68F) โดยเราคาดรายได้จากธุรกิจในส่วนนี้เติบโต 18% YoY ในปี 2567F และ 15% ในปี 2568F
นอกจากนี้ ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมในธุรกิจนิคม-WHA IER, โรงไฟฟ้า Gheco One และธุรกิจประปาในเวียดนามซึ่งได้พลิกเป็นกำไรน่าจะช่วยหนุนกำไรสุทธิ
ประมาณการ 2Q67F และ 1H67F
เราคาดทั้งรายได้และกำไร 2Q67F อาจไม่น่าตื่นเต้นทั้ง YoY และ QoQ หลัก ๆ เนื่องจากยอดขาย/ยอดการ
โอนที่ดินชะลอตัว สวนทางกับธุรกิจที่ไม่ได้มาจากการขายที่ดินยังคงโตสม่ำเสมอ ขณะที่ ส่วนแบ่งกำไรต่าง ๆ น่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมากจากยอดการโอนที่ดินของบริษัทร่วมในนิคม ฯ และWHA IER โดยสรุป เราคาดกำไรสุทธิ 2Q67F ที่ 961 ล้านบาท (+11% YoY แต่ -30% QoQ) ทำให้กำไรสุทธิ 1H67F อาจอยู่ที่ 2.3 พันล้านบาท (+67.5% YoY) คิดเป็น 53% ของประมาณการกำไรเต็มปีนี้ของเรา (Figure 3)
Valuation & Action
เราปรับลดประมาณการกำไรปี 2567F ลง 8% แต่ปรับเพิ่มกำไรปี 2568F ขึ้น 12% จากการเลื่อนการแปลง
สินทรัพย์เป็นเงินสดเข้ากองทรัสต์ WHART ออกไปเป็นปี 2568 ดังนั้นอัตราการเติบโตกำไรปี 2568F น่าจะพุ่งขึ้น 25% YoY จาก -3% YoY ในปี 2567F (Figure 1-2) นอกจากนี้ เราปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย SOTP ขึ้นใหม่ที่ 5.60 บาท (จากเดิม 5.30 บาท) เพราะเราคาดยอดขายที่ดินอุตสาหกรรมรายปีใน 2 ปีสูงอยู่ที่ 2,500-2,600 ไร่ซึ่งต่ำกว่าฐานสูงที่ 2,767 ไร่ในปี 2566 ทั้งนี้ เราคงคำแนะนำ ถือ
Risks
ความรวดเร็วในอัตราการเติบโตของ GDP, การเพิ่มขึ้นของต้นทุนสาธารณูปโภคและค่าแรงงานขั้นต่ำ,
ความผันผวนของอัตราดอกเบี้ย และเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI)