วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก แถลงกองทุนวายุภักษ์

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก แถลงกองทุนวายุภักษ์

วันศุกร์ที่ผ่านมาดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ โดยได้แรงหนุนจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงาน ต่ำกว่าคาดการณ์ ขณะที่นักลงทุนขายทำกำไรลดความเสี่ยงก่อนเข้าสู่ช่วงหยุดยาว รวมทั้งรอติดตาม การวินิจฉัยคดีคุณสมบัตินายก ในวันที่ 14 ส.ค.นี้

มีแรงซื้อมากในหุ้นกลุ่มไอซีที และอิเล็กทรอนิกส์ มีแรงขายมากในหุ้นกลุ่มค้าปลีก และการเงิน ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,297.07 จุด +0.82 จุด +0.06% (ในสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนี -16.01 จุด -1.22%) มูลค่าการซื้อขาย 42,933.81 ลบ. Program Trading -79.22 ลบ. ต่างชาติ +51.25 ลบ. TFEX +12,628 สัญญา ตราสารหนี้ +9,011.89 ลบ.

ปัจจัยบวก    

+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 3.22 ดอลลาร์ หรือ +4.2% ปิดที่ 80.06 ดอลลาร์/บาร์เรล ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 4% และปิดบวกติดต่อกัน 5 วันทำการโดยได้แรงหนุนจากคาดการณ์สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางจะลุกลามเป็นวงกว้าง และอาจส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันในตลาดโลก
+ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่านักลงทุน ให้น้ำหนักเท่ากันต่อการคาดการณ์ว่า FED จะปรับลด อัตราดอกเบี้ย 0.25% หรือ 0.50% ในการประชุมเดือนก.ย. และคาดว่าภายในสิ้นปี 2567 FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งสิ้น 1%
+ ททท.คาดการณ์นักท่องเที่ยวต่างชาติปี 67 มีจำนวน 35.9 ล้านคน เพิ่มขึ้น 28% สร้างรายได้ 1.8 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% ส่วนตัวเลขนักท่องเที่ยวคนไทยรวมทั้งปีจำนวน 192 ล้านคนครั้ง เพิ่มขึ้น 4% สร้างรายได้ 995,018 ล้านบาท ส่งผลให้รายได้จากการท่องเที่ยวทั้งปีมีมูลค่า 2.8 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% จากปี 66
+ กระทรวงการคลังแถลงความคืบหน้ากองทุนรวมวายุภักษ์ 14.00 น.

ปัจจัยลบ 

- ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 140.53 จุด หรือ -0.36% ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจหลายรายการของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
- WHO กังวลเกี่ยวกับจำนวนผู้ป่วยโรคฝีดาษลิง (monkeypox) หรือ mpox ที่เพิ่มมากขึ้นในทวีปแอฟริกา โดยส่งสัญญาณ ว่าอาจประกาศให้การระบาดครั้งนี้เป็นภาวะฉุกเฉิน ด้านสาธารณสุขที่สำคัญ
 

- กระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกาแถลงการณ์ว่าสหรัฐกำาลัง ส่งทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์เพิ่มเติมไปยังตะวันออกกลาง เพื่อเพิ่มทรัพยากรในการ "ปกป้องอิสราเอล"
- รัสเซียอพยพประชาชนออกจากอีกภูมิภาคหนึ่งที่อยู่ติดกับยูเครน หลังจากยูเครนเพิ่มกิจกรรมทางทหารใกล้ชายแดน เพียงไม่กี่วันหลังจากที่ยูเครนทำการโจมตีรัสเซียครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เริ่มต้นสงครามในปี 2565

แนวโน้มตลาดวันนี้    

คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสปรับตัว โดยมีแรงหนุนจากกระทรวงการคลังแถลงความคืบหน้ากองทุนรวมวายุภักษ์วันนี้ 14.00 น. ซึ่งอาจส่งผลให้มีแรงเก็งกำไรในหุ้นกลุ่ม Big Cap. ประกอบกับราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นแรง หนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน มองกรอบดัชนีในวันนี้ 1,290-1,307 จุด

กลยุทธ์การลงทุน     

• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการลงทุน DATA CENTER และ CLOUD SERVICE : GULF ADVANC TRUE INSET ITEL
• หุ้น ESG Rating เด่น (AAA) : ADVANC BANPU CPF PTTGC SCC
• หุ้นได้ประโยชน์จากนโยบาย Digital Wallet ได้แก่ CPALL BJC DOHOME GLOBAL HMPRO TNP KK
• สินค้าส่งออกเดือน มิ.ย. ที่เติบโตดี : STA NER TRUBB TEGH ITC AAI
• MSCI Global Standard Indexes เข้า – ออก AWC EA GPSC IVL MSCI Small Cap Indexes เข้า BJC EA KAMRT TLI ออก BA BYD EPG NEX ORI PTG RBF RATCH SC SJWD SKY SNNP THCOM

 

 

หุ้นรายงานพิเศษ  

BCP "ซื้อ" Bloomberg Consensus 46.00 บาท
กำไร 2Q67 เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ YoY แต่หดตัว 25%QoQ

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก แถลงกองทุนวายุภักษ์

รายงานกำไร 2Q67 อยู่ที่ราว 1.82 พันลบ. เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ YoY แต่หดตัว 25%QoQ จาก 1.ธุรกิจโรงกลั่นผลประกอบการอ่อนตัวลงตามอัตรากำลังการกลั่น ที่ลดลงจาก 92% ใน 1Q67 สู่ 78% จากการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่นพระโขนง 27 วัน และค่าการกลั่นที่ปรับตัวลงจาก 6.12$/bbl ใน 1Q67 สู่ 4.27$/bbl ตามส่วนต่างราคาน้ำมันเบนซิน น้ำมันอากาศยาน และน้ำมันดีเซลที่ปรับตัวลง 26%QoQ 38%QoQ และ 36%QoQ ตามลำดับ 2. ธุรกิจจำหน่ายน้ำมันผลประกอบการปรับตัวขึ้นแม้ว่าปริมาณการขายลดลง 5%QoQ สู่ 3,379 ล้านลิตร โดยประชาชนเดินทางลดลงจากเข้าสู่ฤดูฝน แต่ค่าการตลาดปรับตัวขึ้นจาก 0.87 บาทต่อลิตร ใน 1Q67 สู่ 0.95 บาทต่อลิตร และ 3. ธุรกิจไฟฟ้าผลประกอบการอ่อนตัวลงแม้ว่าปริมาณการผลิตจะเพิ่มขึ้น 8%QoQ สู่ 1,817 ล้านหน่วยแต่ราคาจำหน่ายปรับตัวลงตาม Adder ที่ทยอยหมดอายุ

ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อผลประกอบการ 2H67 โดยได้แรงหนุนจาก 1. ไม่มีการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่นพระโขนงเหมือนใน 1H67 และคาดว่าค่าการกลั่นจะปรับตัวขึ้นจากประเทศแถบยุโรปเริ่มซื้อน้ำมันก่อนเข้าฤดูหนาว 2.ประชาชนเดินทางเพิ่มขึ้นจากเป็น High Season ช่วงปลายปีทำให้ปริมาณการจำหน่าย น้ำมันปรับตัวขึ้น 3. โรงไฟฟ้าในประเทศลาวและสหรัฐเข้าสู่ High Season ทำให้ผลประกอบการปรับตัวดีขึ้น และ 4. ราคาหุ้นยังมี Upside อีก 38% จาก ราคาเหมาะสม เราจึงแนะนำ “ซื้อ”

หุ้นมีข่าว

(+) CBG (Bloomberg Consensus 81.00 บาท) ประกาศงบไตรมาส 2/2567 กำไรแตะ 691 ล้านบาท โตกว่า 43% บริหารต้นทุนดีมาร์จิ้นดีด 28% ยอดขายทั้งในประเทศและต่างประเทศโดยเฉพาะกลุ่มประเทศ CLMV ที่กลับมาฟื้นตัว คาดมาร์เก็ตแชร์นิวไฮ 26% จากปัจจุบันเกิน 24.6% ชูกลยุทธ์หลักคงราคาขายปลีก 10 บาท ทั้งปี 2567 มั่นใจรายได้โต 20% บอร์ดอนุมัติปันผลระหว่างกาล 0.60 บาทต่อหุ้น เตรียมรับทรัพย์ 6 กันยายน 2567 (ที่มา ทันหุ้น)

(+) OR (Bloomberg Consensus 18.40 บาท) ผนึก ADVANC, KTB ลุยขอเวอร์ชวลแบงก์เดือนหน้าประสานดาต้าร่วมกันลุยดิจิทัล ใส่เกียร์ร้านค้าปลีกความงามและสุขภาพ "found & found" ชี้ตลาดใหญ่ 3 แสนล้านบาท รุกเปิด 10 สาขา หาวินนิ่งโมเดล เป้า 500 สาขาในปี 2573 จับมือพันธมิตรญี่ปุ่น สุกิ โฮลดิ้งส์ น่านวัตกรรมความงามล้ำสมัยเข้าไทย ในราคาเข้าถึงได้ (ที่มา ทันหุ้น)

(+) M (Bloomberg Consensus 39.00 บาท) ปรับกลยุทธ์ หันรุก "ตลาดบุฟเฟ่ต์-เปิดสาขามัลติแบรนด์" ยืนเป้ารายได้ปี 2567 โตราว 5% จากปีก่อน พร้อมซุ่มศึกษาต่อยอดธุรกิจ ขยายฐานลูกค้าทั้งใน-ต่างประเทศ หนุนเติบโตต่อเนื่อง โบรกคาดกำไรไตรมาส 2/67 ที่ 363 ล้านบาท โต 20% จากช่วงเดียวกันปีก่อน คาดงบครึ่งปีหลังแจ่ม ไฮซีชัน-มาตรการรัฐเอื้อ (ที่มา ทันหุ้น)

(+) BBIK (Bloomberg Consensus 45.33 บาท)โชว์แบ็กล็อกพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 1,377 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43% เตรียมรับรู้รายได้ของบริษัทแม่และบริษัทย่อยมากกว่า 506 ล้านบาท และบริษัทร่วมทุน 330 ล้านบาท ในปีนี้ พร้อมทำนิวไฮต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 (ที่มา ทันหุ้น)