วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ มองเป็นจังหวะสะสม หากนายกฯ ยังอยู่กับพรรคเพื่อไทย

หากดูจากคะแนนเสียงของพรรคร่วมรัฐบาลในปัจจุบันที่มี 314 เสียง ถือว่ามากกว่า 247 เสียง (กึ่งหนึ่งของจำนวน ส.ส. ปัจจุบันที่ 493 เสียง) เราจึงมองว่ามีโอกาสสูงที่ คุณแพทองธาร จะเป็นนายกฯ คนที่ 31 ของไทย และมองเป็นกรณีที่ดีที่สุดสำหรับสถานการณ์ ณ ปัจจุบัน เนื่องจาก 1) รัฐบาลสามารถเดินหน้าเบิกจ่ายงบประมาณปี 67 ในช่วงที่เหลือได้ตามแผน 2) การดำเนินการอนุมัติงบประมาณปี 68 วาระ 2-3 ในเดือนก.ย. น่าจะผ่านไปได้ด้วยดี และ 3) แม้จะมีโอกาสที่ โครงการสำคัญๆ ของพรรคเพื่อไทย อาทิ ดิจิทัลวอลเล็ต, แลนด์บริจด์ และ Entertainment complex จะมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบ หรือลดขนาดของโครงการลง แต่คาดจะยังเป็นปัจจัยสำคัญในการช่วยหนุนเศรษฐกิจใน 2567-68 ได้ เรามองเป็นโอกาสในการสะสมหุ้นที่คาดจะได้ประโยชน์จากโครงการภาครัฐ ที่มีแรงขายออกมาในช่วงก่อนหน้า อาทิกลุ่มค้าปลีก เป็นต้น   

ภาพรวมกำไรสุทธิไตรมาส 2/67 เพิ่มขึ้น yoy และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาด ข้อมูล ณ วันที่ 15 ส.ค. พบว่าบริษัทจดทะเบียนรายงานผลประกอบการออกมาเกือบทั้งหมดแล้ว ภาพรวมกำไรใน 2Q24 เพิ่มขึ้น 22% จาก 2Q23 และหากเทียบกับประมาณการของนักวิเคราะห์ในตลาด พบว่ากำไรสุทธิออกมาสูงกว่าคาดราว 12% โดยกลุ่มที่กำไรออกมาสูงกว่าคาด อาทิ กลุ่มค้าปลีก ตามการบริโภคในประเทศที่ฟื้นตัว รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติที่กลับเข้ามามากขึ้นจากปีก่อนหน้า ขณะที่กลุ่มการเงิน เป็นกลุ่มที่กำไรสุทธิออกมาต่ำกว่าประมาณการของนักวิเคราะห์ จากภาพคุณภาพสินทรัพย์ที่ยังอ่อนแอ 

 

 

ภาพรวมกลยุทธ์ ฟื้นตัวและยังมีบรรยากาศเก็งกำไรรายตัวเชิงบวก แต่ยังมองช่วง 1-2 เดือนนี้ เงินมีโอกาสเข้าสินทรัพย์ปลอดภัย คาดกลุ่มคล้ายพันธบัตร และได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง อาทิ ไฟฟ้า รีทส์ แกร่งกว่าตลาด และใช้จังหวะผันผวนสะสมหุ้นที่โมเมนตัมกำไรยังเป็นขาขึ้น อาทิ สื่อสาร, อาหาร และค้าปลีก 

แนวรับ: 1,270-1,285 / แนวต้าน : 1,305-1,310 จุด 

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%

หุ้นแนะนำ  (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)

•    SAMART* (8) : ผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัว และได้ประโยชน์จากการกลับมาของรายจ่ายภาครัฐ หากไม่รวมขาดทุนจากคดีช่วงเอเชี่ยนเกมส์ จะมีกำไร 101 ล้านบาท +83% QoQ และ +292% YoY ตัดขาดทุน 5.60 บาท 
•    CPN* (57) : ผลประกอบการไตรมาส 2/67 แข็งแกร่ง ตามการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ และการเปิดโครงการใหม่ ตัดขาดทุน 52 บาท 
•    EGCO* (116) : ราคาหุ้นตอบรับผลประกอบการที่อ่อนแอจากการตั้งสำรองโครงการผลิตไฟฟ้าที่ต่างประเทศไปแล้ว ขณะที่ปัจจุบัน ซื้อขายด้วย PER 8x, PBV 0.46x และให้ปันผล 6.72%   ตัดขาดทุน 93 บาท
•    GUNKUL* (2.40) : ผลประกอบการไตรมาส 2/67 เติบโต QoQ, YoY และเข้าสู่ high season ไตรมาส 3 ขณะที่ผลตอบแทนปันผลระหว่างกาลสูงถึง 4%  ตัดขาดทุน 1.955 บาท  

ประเด็นที่น่าสนใจ 

-    พรรคร่วมรัฐบาล ประกาศหนุน "แพทองธาร" เป็นนายกฯ คนที่ 31
-    "แพทองธาร" ประกาศพร้อมนำพาประเทศพ้นวิกฤติเศรษฐกิจ
-    ปธ.เฟดแอตแลนตาส่งสัญญาณ เฟดอาจหั่นดอกเบี้ยในเดือนก.ย.นี้
-    BTG ควักเงินเกือบ 2 พันลบ.เทคฯ Eggriculture Foods พร้อมเพิกถอนจากตลาดหุ้นฮ่องกง
-    GFC ไตรมาส 2/67กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 17.47 ลบ.
-    KLINIQ มั่นใจครึ่งปีหลังผลประกอบการดีต่อ ทั้งปีรายได้โต 30% เหตุมาร์เก็ตแชร์ขยายตัว

 

 

-    NEO ไตรมาส 2/67กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 268.71 ลบ.
-    CPN แนะนำ “ซื้อ” เป้า 83บาท/ SPRC แนะนำ “ซื้อ” เป้า 9.50บาท/ AOT แนะนำ “ซื้อ” เป้า 70บาท/ ERW แนะนำ “ซื้อ” เป้า 6.50บาท

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

16 ส.ค. – ติดตามการโหวตเลือกนายกฯ คนใหม่
19 ส.ค. – ติดตามการรายงาน GDP ไตรมาส 2/67 ของไทย