วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ STEC ลุ้นได้เซ็นงานก่อสร้างใหม่ ๆ และกำไรพลิกฟื้นแรง
กำไรก่อนภาษีใน 1H67 เพิ่มขึ้น 23% YoY เนื่องจากได้รับรายได้เงินปันผลก้อนใหญ่จาก Gulf Energy Development (GULF.BK/GULF TB)* รวมมูลค่า 203 ลบ. (+36% YoY) ใน 2Q67
อย่างไรก็ตาม กำไรยังถูกกดดันอย่างหนักจากส่วนแบ่งขาดทุนจำนวนมากจากการเดินรถไฟฟ้ารางเดี่ยวสายสีชมพูและสายสีเหลืองอยู่ราว 312 ลบ. แต่เมื่อมองไปใน 2H67 เราคาดกำไรฟื้นตัวได้จาก i) ส่วนแบ่งขาดทุนจากรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลืองพีคไปแล้วใน 2Q67 และ ii) อัตรากำไรขั้นต้นน่าจะปรับดีขึ้นจากระดับต่ำที่ 2.5% ใน2Q67 ซึ่งรวมส่วนใหญ่ของต้นทุนพิเศษราว 250-300 ลบ.เพื่อซ่อมแซมความเสียหายของอุโมงค์ป้องกันน้ำท่วมที่บึงหนองบอน ขณะที่ จำนวนผู้โดยสารเดินทางรายวันของรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสายสีชมพูผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วที่ 3.2 หมื่นคนและ 5.1 หมื่นคน ตามลำดับใน 2Q67 โดยที่รถไฟฟ้าสายสีชมพูน่าจะถึงจุดคุ้มทุนที่ 1.00 แสนคนต่อวันก่อนสายสีเหลือง หลังจากเฟสการขยายเส้นทางไปถึงสถานีเมืองทองธานีซึ่งเป็นศูนย์จัดงาน Expoใหญ่ที่สุดในประเทศไทยในเวลานี้ โดยคาดเส้นทางดังกล่าวนี้จะเสร็จสมบูรณ์ราวกลางปี 2568
ตั้งเป้าเซ็นสัญญาใหม่ ๆ ปีนี้มูลค่ารวม 4.0 หมื่นลบ.เพิ่มจาก 2 พันลบ.ใน 1H67
แม้ว่า STEC เซ็นสัญญางานก่อสร้างมูลค่าเพียง 2 พันลบ.ใน 1H67 บริษัทคาดได้เซ็นงานก่อสร้างใหม่ ๆ
มูลค่าสูงกว่า 4.0 หมื่นลบ. ในส่วนที่เหลือของปีนี้ นับจากงานทั้งหมด โครงการใหม่ ๆ ของภาคเอกชนน่าจะมีมูลค่ารวม 2.7 หมื่นลบ. (7 พันลบ.เป็นงาน data center, 6 พันลบ.เป็นโครงการพลังงานทดแทนต่าง ๆ และโครงการอื่น ๆ อีก 1.4 หมื่นลบ.) ที่เหลือจะเป็นงานภาครัฐหรืองานที่เกี่ยวเนื่อง มองบวก เราเห็นถึงความเป็นไปได้ที่ STEC จะเป็นผู้รับเหมาช่วงต่อของโครงการถไฟฟ้า MRT สายสีส้มฝั่งตะวันตก นอกจากนี้ STEC ยังหวังว่าโครงการเมืองการบินอู่ตะเภาของบริษัทร่วม UTA จะเดินหน้าต่อได้ก่อนสิ้นปี 2567 หรือต้นปี 2568 เพื่อจะได้รับรู้มูลค่า 2.7 หมื่นลบ.เป็นรายได้จากงานโยธาของโครงการนี้
ปรับประมาณการกำไรใหม่
ด้วยเหตุที่กำไร 1H67 ต่ำเพียง 37 ลบ. (-89% YoY) เราจึงปรับลดประมาณการกำไรปี 2567F ลง 44% เพื่อ
สะท้อนส่วนแบ่งขาดทุนจากการเดินรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสายสีชมพูสูงกว่าคาด อิงจากสมมติฐานใหม่ของเรา กำไรปี 2567F จะแย่ลง 72% YoY จากนั้นจะฟื้นตัวแรงที่ 136% ในปี 2568F
Valuation & Action
เพื่อสะท้อนความเป็นไปได้ที่กำไรจะพลิกฟื้นและจะได้เซ็นสัญญางานก่อสร้างใหม่ ๆ มากขึ้น เราจึงปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย SOTP ใหม่ขึ้นที่ 10.40 บาท อิงจากสมมติฐานที่ +0.5SD ของค่าเฉลี่ย PE ที่ 29x บนค่าเฉลี่ย EPS ปี 2567F-68F สำหรับธุรกิจหลักบวกกับการลงทุน 1.9% ใน GULF ทั้งนี้ เราปรับเพิ่มคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” (จากถือ) ด้วย
Risks
ความรวดเร็วในอัตราการเติบโตของ GDP ความล่าช้าจากการอนุมัติของคณะรัฐมนตรีและการเริ่มดำเนินการโครงการใหม่ ๆ การแก้ไขสัญญาต่าง ๆ การปรับเปลี่ยนฎระเบียบต่าง ๆ การเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย และการปรับเพิ่มค่าแรงงานขั้นต่ำ