วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ เน้นลงทุนในหุ้นรายกลุ่มในช่วงการ Rotation
อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ต่ำคาด เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมามีการรายงานอัตราเงินเฟ้อ (PCE) โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไป และพื้นฐานอยู่ที่ 2.5% yoy และ 2.6% yoy ตามลำดับ ต่ำกว่าที่ตลาดคาดทั้งสองรายการ
หนุนโอกาสที่ Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุม เดือน ก.ย. นี้ และตลาดคาด Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายรวม 0.75% ในปี 67 ส่งผลให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ - ไทย จะเริ่มมีแนวโน้มเข้าสู่ระดับปกติมากขึ้น ช่วยหยุดภาวะการอ่อนค่าของค่าเงินบาท ทั้งนี้หากดูปัจจัยแวดล้อม เราประเมินมีโอกาสที่เงินทุนจะไหลกลับมายังตลาดหุ้น EM ค่อนข้างสูง เนื่องจากเศรษฐกิจจีนยังคงอ่อนแอ และมีโอกาสที่จะถูกหั่นประมาณการการเติบโตของ GDP ขณะที่ไทยมีปัจจัยที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติ อาทิภาวะทางการเมืองที่มีเสถียรภาพมากขึ้น หลังได้นายกฯ ใหม่อย่างรวดเร็ว ทำให้การเบิกจ่ายงบประมาณทำได้ต่อเนื่อง และการที่นายกฯ ยังคงมาจากพรรคเพื่อไทย ทำให้นโยบายในรัฐบาลเดิม อาทิ Digital wallet น่าจะยังคงอยู่
วันนี้ (2 ก.ย.) ตลท. เริ่มบังคับใช้มาตรการการซื้อ/ขาย ใหม่ 3 มาตรการ โดย 3 มาตรการใหม่ ได้แก่ 1) Dynamic Price Band, 2) Auction และ 3) Minimum Resting Time โดย ตลท. เชื่อว่ามาตรการเหล่านี้จะช่วยลดความผันผวนและป้องกันคำสั่งซื้อขายที่ไม่เหมาะสมได้ เราประเมินการออกมาตรการใหม่ๆ ที่ควบคุมคำสั่งซื้อที่ไม่เหมาะสมนั้นจะเป็นบวกต่อตลาดหุ้นไทยในระยะยาว และเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับทั้งนักลงทุนในประเทศ และต่างประเทศ
สะสมหุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากนโยบายรัฐบาลและได้ประโยชน์จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ติดตามความคืบหน้าจัดตั้งครม.ใหม่ และการแถลงนโยบายรัฐบาลใหม่ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ จะยืนยันนโยบายเศรษฐกิจที่ได้ไปต่อ ซึ่งคาดจะบวกต่อกลุ่มค้าปลีก, รับเหมา, สื่อสารขนาดกลาง-เล็ก ได้แก่ CPALL, TNP, CPAXT, CBG, OSP, CK, STEC, SYNEX, SIS, SAMART, ITEL เป็นต้น รวมถึงหุ้นที่คาดจะได้ประโยชน์จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย อาทิ 1) กลุ่มการเงิน. 2) โรงไฟฟ้า และ 3) กลุ่มกองทุน REITs
ภาพรวมกลยุทธ์ ติดตามความคืบหน้าครม.ใหม่ ซึ่งคาดว่าจะชัดเจนในสุดสัปดาห์นี้ ยังคาดกลุ่มคล้ายพันธบัตร และได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง อาทิ ไฟฟ้า รีทส์ แกร่งกว่าตลาด และใช้จังหวะผันผวนสะสมหุ้นที่โมเมนตัมกำไรยังเป็นขาขึ้น อาทิ สื่อสาร, อาหาร และค้าปลีก // กลุ่มท่องเที่ยวน่าสนใจจากการเข้าสู่ high season เราชอบ AOT, ERW, SPA
แนวรับ: 1,332-1,350 / แนวต้าน : 1,365 จุด
สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%
หุ้นแนะนำ (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)
• CBG (72) : คาดผลการดำเนินงานไตรมาส 3/67 ฟื้นตัว จากยอดขาย Energy drink ที่ดีขึ้น และคาดได้ประโยชน์จากนโยบายภาครัฐ 67.5 บาท
• MEB* (34) : ผลการดำเนินงานช่วงครึ่งปีแรกของปี 67 เติบโต จากแนวโน้มการเปลี่ยนผ่านจากหนังสือเล่มสู่ E-Book และคาดดีต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง ตัดขาดทุน 30 บาท
• EGCO* (116) : ราคาหุ้นตอบรับผลประกอบการที่อ่อนแอจากการตั้งสำรองโครงการผลิตไฟฟ้าที่ต่างประเทศไปแล้ว ขณะที่ปัจจุบัน ซื้อขายด้วย PER 8x, PBV 0.46x และให้ปันผล 6.72% ตัดขาดทุน 93 บาท
• TU* (16) : คาดผลประกอบการในช่วงที่เหลือของปีปรับดีขึ้นต่อเนื่อง จากการไม่มีส่วนแบ่งขาดทุนจาก Red Lobster ตัดขาดทุน 15.5 บาท
ประเด็นที่น่าสนใจ
- สหรัฐเผยดัชนี PCE +2.5% เดือนก.ค. ต่ำกว่าคาดการณ์
- “เงินเฟ้อ” ยูโรโซนลดลงเหลือ 2.2% เปิดทาง ECB ปรับลดดอกเบี้ย
- ก.พาณิชย์ เผย “ต่างชาติลงทุนไทย” 7 เดือนแรกปีนี้ กว่า 336 ราย เงินลงทุน 90,987 ล้านบาท
- “โกลด์แมน แซคส์” จ่อเลิกจ้างพนักงานผลงานต่ำจำนวนมาก
- OSP ขายเงินลงทุนกิจการผลิต-ขายขวดแก้วที่เมียนมา
- ภูมิธรรม คาดกระบวนการจัดตั้ง ครม.ชุดใหม่ แล้วเสร็จภายใน 15 ก.ย.67
- หุ้นที่ขึ้น XD วันนี้ BCPG DRT OR PB พรุ่งนี้ BSRC MINT
- Special Report: Feedback from Malaysia
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
2 ก.ย. – US ISM Manufacturing PMI (Aug)
3 ก.ย. – CN Caixin Services PMI (Aug)