วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ คาดเคลื่อนไหวกรอบแคบหลังรับข่าวบวกส่วนใหญ่แล้ว
ไม่ว่าเฟดลดดอกเบี้ยมากหรือน้อยก็อาจตามมาด้วยแรงทำกำไร สัปดาห์นี้ตลาดจับตาปัจจัยสำคัญคือการลดดอกเบี้ยครั้งแรกของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในการประชุม 17-18 ก.ย. ตลาดยังคงให้น้ำหนักกับการปรับลดดอกเบี้ยในระดับ 0.25%
ทั้งนี้เรามองว่าไม่ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยเท่าไหร่ ตลาดระยะสั้นก็อาจซึมหรือมีแรงทำกำไร เนื่องจาก 1) การลดดอกเบี้ย 0.25% เป็นระดับที่ไม่สร้างความตื่นเต้นให้กับตลาด ที่รับปัจจัยเรื่องการลดดอกเบี้ยไปมากแล้ว 2) การลดดอกเบี้ย 0.50% แม้เป็นระดับที่ตลาดตื่นเต้น แต่สถิติในอดีตบ่งชี้ว่าการเริ่มต้นลดดอกเบี้ยของเฟดในระดับดังกล่าว มักตามมาด้วยภาวะเศรษฐกิจถดถอยในที่สุด เมื่อประกอบกับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ยังมีความไม่แน่นอน ทำให้มีโอกาสที่การเคลื่อนไหวหุ้นสหรัฐฯและหุ้นโลกช่วง ก.ย.-ต.ค. อาจจะเผชิญแรงทำกำไร (ซึ่งเกิดขึ้น 5 ใน 7 ครั้งของการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ล่าสุด)
ข่าวดีระยะสั้นทั้งวายุภักษ์และ Virtual Bank License รับรู้ในราคาหุ้นพอสมควรแล้ว วันนี้เปิดจำหน่ายหน่วยลงทุนกองทุนรวมวายุภักษ์ 1 ประเภท ก เสนขายแก่ผู้ลงทุนทั่วไป ระยะเวลาลงทุนเบื้องต้น 10 ปี เสนอขาย 10 บาท/หน่วย รวม 100,000-150,000 ล้านบาท ประกาศผลจัดสรร 25 ก.ย.ผ่าน www.setttrade.com และคาดนำหน่วยลงทุนเข้าจดทะเบียนซื้อขายช่วงต้น ต.ค. ซึ่งเรายังมองกองทุนดังกล่าวมีลักษณะคล้ายตราสารหนี้ และเหมาะกับผู้ลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนมั่นคง มากกว่าผู้ที่ต้องการลงทุนในหุ้น สำหรับกลุ่มธนาคารการยื่นของใบอนุญาต Virtual Bank ที่เปิดถึง 19 ก.ย. หลังจากนั้นจะใช้เวลาพิจารณาจนกระทั่งกลางปี 2568 จึงประกาศผู้ได้รับใบอนุญาต ซึ่งกินเวลานาน ทำให้อาจต้องระวังแรงขายทำกำไรหุ้นที่เกี่ยวข้อง ทั้งสื่อสารและธนาคาร ที่อาจขึ้นตอบรับปัจจัยบวกระยะสั้นไปแล้ว
ภาพรวมกลยุทธ์ เลือกเก็งกำไรรายตัว และระวังแรงขายทำกำไรหุ้นธนาคารและสื่อสารหลังใกล้หมดระยะเวลาขอใบอนุญาต Virtual Bank และเน้นการเข้าซื้อแบบเจาะจง (selective buy) มากขึ้น ยังคาดกลุ่มคล้ายพันธบัตร และได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง อาทิ ไฟฟ้า รีทส์ แกร่งกว่าตลาด และใช้จังหวะผันผวนสะสมหุ้นที่โมเมนตัมกำไรยังเป็นขาขึ้น อาทิ สื่อสาร, อาหาร และค้าปลีก // หุ้น Laggard ได้แก่ STEC, SPRC, PTG, SAMTEL
แนวรับ: 1,411 / แนวต้าน : 1,432 จุด
สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%
หุ้นแนะนำ (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)
• TNP* (4.50) : สถานการณ์น้ำท่วมทำให้มีการปิดสาขาชั่วคราวบางแห่ง ซึ่งเป็นผลกระทบชั่วคราว ขณะที่ราคาปัจจุบันซื้อขายที่เพียง PER 17 เท่า ทำให้การปรับลงเป็นโอกาสซื้อ ตัดขาดทุน 3.50 บาท
• GUNKUL* (3) : ผลการดำเนินงานไตรมาส 3-4 ได้อานิสงค์จากปัจจัยด้านฤดูกาล ทำให้การผลิตไฟฟ้าพลังงานลมแข็งแกร่ง ตัดขาดทุน 2.50 บาท
• BKGI* (3) : ธุรกิจเกี่ยวกับพันธุกรรมมีการเติบโตที่ดี ขณะที่ราคาหุ้นเริ่มผ่านแนวต้านสำคัญทำให้น่าจะเห็นการยกกรอบการเก็งกำไร ตัดขาดทุน 2.36 บาท
• SAMART* (8) : ผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และคาดฟื้นตัวต่อเนื่อง จากการกลับมาของรายจ่ายภาครัฐฯ และการลงทุนด้าน IT/AI ตัดขาดทุน 6.20 บาท
ประเด็นที่น่าสนใจ
- "ทรัมป์" ปลอดภัยหลังเกิดเหตุยิงครั้งใหม่
- วายุภักษ์ 1’ ดีเดย์เริ่มจองวันนี้ คาดยอดทะลัก 3-5 หมื่นล้าน
- สหรัฐฯ ดีเดย์เก็บภาษีนำเข้า EV จีน 100% 27 ก.ย.นี้
- อสังหาฯ จีน ยังไม่ฟื้นราคาบ้านใหม่ ส.ค.ดิ่งแรงสุดในรอบ 9 ปี
- สหรัฐเผยดัชนีราคานำเข้าลดลง 0.3% ในเดือนส.ค.
- คลัง คาดใช้เวลา 1-2 ปี ศึกษา Negative Income Tax โอบอุ้มผู้มีรายได้น้อย
- ตัวเต็งนายกฯหญิงของญี่ปุ่นวอน BOJ ชะลอขึ้นดอกเบี้ย ชี้เศรษฐกิจเพิ่งเริ่มฟื้น
- จีนชี้การฟื้นฟูเศรษฐกิจยังยากลำบาก ข้อมูลเดือนส.ค.หลายตัวต่ำกว่าคาด
- รมว.พาณิชย์ มองมุมบวก! สงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ สร้างโอกาสให้ไทย
- "จุลพันธ์" ย้ำ Entertainment Complex ดึงเม็ดเงินมหาศาลเข้าไทย
- AEONTS แนะนำ ถือ เป้า 150 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
17 ก.ย. – US Retail Sales (Aug)
18 ก.ย. – JP Balance of Trade (Aug)
19 ก.ย. – FOMC Meeting