วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก ติดตามประชุมเฟด
วันอังคารที่ผ่านมาดัชนีเคลื่อนไหว Sideway ได้แรงหนุนจากการประชุม ครม. อนุมัติโครงการดิจิทัลวอลเล็ต แจกเงินหมื่นเฟสแรกให้กับกลุ่มเปราะบางวันที่ 25-30 ก.ย.นี้ อย่างไรก็ตามนักลงทุนจับตาผลการ ประชุมเฟดช่วงเช้าของวันที่ 19 ก.ย.นี้
โดยนักลงทุนคาดว่ามีโอกาสที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% มีแรงซื้อในหุ้นกลุ่มขนส่ง มีแรงขายในหุ้นกลุ่มค้าปลีก ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,436.60 จุด +1.07 จุด +0.07% มูลค่าการซื้อขาย 54,393.2 ลบ. Program Trading -284.3 ลบ. ต่างชาติ -415.7 ลบ. TFEX +4,137 สัญญา ตราสารหนี้ -185.8 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 1.10 ดอลลาร์ หรือ +1.57% ปิดที่ 71.19 ดอลลาร์/บาร์เรล มีปัจจัยหนุนจากความหวังว่าอุปสงค์น้ำมันจะเพิ่มขึ้นหาก FED ปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาดการณ์ และผลบวกจากรายงานเกี่ยวกับผลกระทบของพายุเฮอร์ริเคนฟรานซีน (Francine) และสถานการณ์ตึงเครียด ในตะวันออกกลาง
+ ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนัก 65% ที่ FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% หลังเสร็จสิ้นการประชุมในวันนี้ (18 ก.ย.) ซึ่งเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้วที่ให้น้ำหนักเพียง 34%
+ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกปรับตัวขึ้น 0.1%MoM ในเดือนส.ค. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าลดลง 0.2%MoM หลังจากพุ่งขึ้น 1.1%MoM ในเดือนก.ค.
+ ครม. มีมติเห็นชอบขยายระยะเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในอัตรา 7% ออกไปอีกเป็นระยะเวลา 1 ปี มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2567 ถึงวันที่ 30 ก.ย.2568 จากเดิมที่จะสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.2567
+ ที่ประชุมครม.อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 ให้กลุ่มเป้าหมายได้แก่ ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและผู้พิการเป็นจำนวนเงิน 10,000 บาทต่อคน โดยจะเริ่มทยอยจ่ายเงินตั้งแต่ 25 กันยายน 2567 เป็นต้นไป
+กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเปิดเผยว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-15 กันยายน 2567 มีทั้งสิ้น 24,810,988 คน สร้างรายได้ประมาณ 1,162,419 ล้านบาท โดยนักท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน มาเลเซีย อินเดีย เกาหลีใต้ และรัสเซีย
ปัจจัยลบ
- ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 15.90 จุด หรือ -0.04% โดยดาวโจนส์อ่อนแรงลงหลังจากทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในระหว่างวัน ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมของเฟดในวันนี้ โดยคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปีครึ่ง
- รัฐบาลญี่ปุ่นเผยว่า เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธตกลงในทะเลนอกเขตเศรษฐกิจพิเศษของญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม รายละเอียดเพิ่มเติมรวมถึงทิศทางและวิถีของขีปนาวุธ ยังไม่ทราบแน่ชัด
- นายกรัฐมนตรีอิสราเอล จัดการประชุมด้านความมั่นคง หลังเกิดเหตุระเบิดของเพจเจอร์ทั่วเลบานอน จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
-สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยเปิดเผยว่าเงินบาทที่แข็งค่าต่อเนื่องจนถึงระดับ 33 บาทต่อดอลลาร์ กำลังส่งผลต่อการแข่งขันด้านราคาส่งออกสินค้าไทยโดยเฉพาะสินค้าเกษตร รวมถึงข้าว ซึ่งเป็นสินค้าที่มีมาร์จิ้น (กำไร) ต่ำอาจเจอปัญหาขาดทุนค่าเงินคำสั่งซื้อล่วงหน้าที่กำลังทยอยส่งมอบ ทุก 1 บาทต่อดอลลาร์ที่แข็งค่าหรืออ่อนค่าจะมีผลต่อราคาส่งออกข้าวไทย 15 ดอลลาร์ต่อตัน
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสแกว่งตัวในลักษณะ Sideway ออกข้าง โดยนักลงทุนจับตาผลการประชุมของเฟด ในวันนี้ โดยคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปีครึ่ง ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังต้องติดตามสถานการณ์ น้ำท่วมอย่างใกล้ชิด มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,430-1,440 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่า : BGRIM GPSC EGCO RATCH TVO TMILL JUBILE SYNEX SIS
• หุ้นได้ประโยชน์จากการซ่อมแซมหลังน้ำลด : TASCO DOHOME GLOBAL HMPRO DCC DRT TOA DPAINT
• หุ้นได้ประโยชน์จากรัฐบาลใหม่ : CK STEC SEAFCO BJC CPALL CPAXT
• หุ้น ESG Rating เด่น (AAA) : ADVANC BANPU CPF PTTGC SCC
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก Fed ลดดอกเบี้ย : SAWAD MTC TIDLOR JMT BGRIM GULF GPSC
หุ้นรายงานพิเศษ
JPARK ("ซื้อเมื่ออ่อนตัว" ราคาเหมาะสม 5.60 บาท)
กำไรสุทธิ 2Q67 +4.7%QoQ และ +50.1%YoY
•งวด 2Q67 มีรายได้จากการให้บริการ 146 ล้านบาท ลดลง -4.4%QoQ จากโครงการ Smart Parking Management System และ Guidance System รับรู้รายได้น้อยลงเนื่องจากอยู่ในช่วงท้ายของสัญญา แต่ยังเติบโต +2.5%YoY จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ในธุรกิจให้บริการที่จอดรถ (PS) และรายได้จากธุรกิจรับจ้างบริหารจัดการพื้นที่จอดรถ (PMS) เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของพื้นที่ให้บริการ อัตรากำไรขั้นต้นสำหรับ อยู่ที่ 30.1% สูงกว่า 27.7% ในไตรมาสก่อน และ 23.5% ใน 2Q66 จากรายได้และความสามารถในการทำกำไร ของธุรกิจ PS และธุรกิจ CIPS ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีกำไรสุทธิ 2Q67 เท่ากับ 26.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +4.7%QoQ และ +50.1%YoY เราคาดกำไรสุทธิปี 67 ที่ระดับ 95 ล้านบาท +50%YoY โดยกำไรสุทธิ 1H67 อยู่ที่ 51 ล้านบาท คิดเป็น 53.7% ของประมาณการ
•ความเห็น : เรามีมุมมองเป็นบวกต่อผลประกอบการปี 67 โดยบริษัทตั้งเป้าบริหาร ลานจอดรถในปี 2567 แตะ 40,000 ช่องจอด คิดเป็นอัตราการเติบโตมากกว่า 30% จากในปัจจุบันที่บริษัทบริหารลาดจอดรถอยู่ที่ราว 3.3 หมื่นช่องจอด ราคาหุ้นในปัจจุบันสูงกว่าราคาเหมาะสมปี 2567 ของเราที่ 5.60 บาท แนะนำ “ซื้อเมื่ออ่อนตัว”
หุ้นมีข่าว
(+) BANPU (Bloomberg Consensus 6.00 บาท) “บ้านปู” ส่ง BKV ระดมทุนตลาดหุ้นนิวยอร์ก 10,000 ล้านบาท ถือเป็นบริษัทผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติรายใหญ่สุดในแหล่งก๊าซบาร์เนตต์ รัฐเท็กซัส มาร์เก็ตแคปกว่า 54,000 ล้านบาท โบรกฯ ประเมินช่วยปลดล็อกมูลค่าหุ้น BANPU เพิ่มขึ้น 3-3.70 บาทต่อหุ้น จากราคาพื้นฐาน 6-7 บาท หลัง “บีเควี” สามารถจ่ายคืนหนี้ให้แก่บ้านปู การลงทุนคล่องตัวขึ้น ลดการพึ่งพาจากบริษัทแม่ ส่วนถ่านหินไตรมาส 4/67-1/68 เข้าช่วงไฮซีซั่น ส่งผลปี 68 เติบโตก้าวกระโดด (ที่มา ข่าวหุ้น)
(+) PRM (Bloomberg Consensus 10.24 บาท) ลั่นครึ่งปีหลังเติบโต คาดดีมานด์สิ้นปีหนุนอัตราการใช้เรือพุ่ง พร้อมรับผลบวกต้นทุนเชื้อเพลิงปรับตัวลดลง แย้มเตรียมปิดดีลซื้อกิจการ Shipping & Ship Agent คาดชัดเจน ต.ค. นี้ ลุยขยายธุรกิจบริการโลจิสติกส์ครบวงจร มั่นใจรับรู้รายได้ทันที (ที่มา ข่าวหุ้น)
(+) SINO (Bloomberg Consensus 1.45 บาท) แย้มผลงานไตรมาส 3/67 โตเด่น หนุน 8 เดือนแรกรายได้สูงกว่าเป้าหมายทั้งปี 67 วางไว้เกือบ 2,100 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% หลังการขยายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน มั่นใจปริมาณขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทั้งปีแตะ 5.3 หมื่นตู้ตามแผน (ที่มา ข่าวหุ้น)
(+) BLC (Bloomberg Consensus - บาท) พร้อมฟุ้งครึ่งหลังปี 2567 ฟอร์มแจ่ม หลังรุกเจาะตลาดเพิ่ม-เสิร์ฟโปรดักต์ใหม่โกยเงิน แถมรับอานิสงส์น้ำท่วมหนุนดีมานด์ยารักษาโรคที่มากับน้ำปรับตัวเพิ่มขึ้น "ภก.สุวิทย์ งามภูพันธ์" คอนเฟิร์มปีนี้รายได้ทะยานแตะ 1.6 พันล้านบาท รับพอร์ตลูกค้าขยายตัวต่อเนื่อง (ที่มา ทันหุ้น)