วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ MTC เรตติ้งจากสถาบันจัดอันดับตปท.จะช่วยให้รีไฟแนนซ์ได้ง่ายขึ้น
จากการที่ MTC ได้รับอันดับเครดิตเรตติ้งจาก S&P และ Fitch ซึ่งต่ำกว่าระดับ investment grade ประมาณ 2-3 ขั้น เราคาดว่าอันดับเรตติ้งจากสถาบันระดับสากลจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ถือหุ้นกู้ของบริษัท และ ช่วยให้บริษัทสามารถรีไฟแนนซ์ หุ้นกู้ในประเทศได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้ เรตติ้งที่ได้ยังจะช่วยให้บริษัทสามารถกระจายแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น (ปัจจุบัน 35% มาจากสินเชื่อธนาคาร และ 65% มาจากหุ้นกู้) ทั้งนี้ ตามรายงานการจัดอันดับเครดิต MTC มีพันธะที่จะต้องรักษาคุณภาพสินทรัพย์มากกว่าขยายสินเชื่อในระยะต่อไปเพื่อคงอันดับเครดิตเอาไว้ ในขณะที่การออกหุ้นต่างประเทศอาจจะไม่ได้ช่วยมากนักเนื่องจากดอกเบี้ยตปท.ที่สูงกว่าในประเทศ อย่างไรก็ตาม เรากำลังติดตามการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ในอีกสองเดือนข้างหน้าจำนวนเกือบ 1 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ MTC ได้รีไฟแนซ์หุ้นกู้ 8.6 พันล้านบาทไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2567 โดยสามารถออกหุ้นกู้ทดแทนได้เพียงประมาณ 3.5 พันล้านบาท และ ที่เหลือต้องใช้เงินกู้จากธนาคารเพื่อจ่ายคืนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดชำระ
คาดว่ากำไรใน 3Q67F จะอยู่ที่ 1.5 พันล้านบาท (+4% QoQ และ +17% YoY), +22% ใน 9M67F
บริษัทเผยว่ายอดเก็บเงินสดดีขึ้นในช่วงเดือนกรกฎาคม - สิงหาคม แต่แนวโน้มเดือนกันยายนยังคงผันผวนเพราะสถานการณ์น้ำท่วม ซึ่งเป็นสัญญาณว่ายอดเก็บเงินสดน่าจะดีขึ้นเล็กน้อยทั้ง QoQ และ YoY อย่างไรก็ตาม บริษัทยังขยายสินเชื่ออย่างระมัดระวัง โดยเพิ่มขึ้นประมาณ 3% QoQ และ 10% YTD ซึ่งจะทำให้ยอดสินเชื่อเต็มปี 2567F โตได้ที่ขอบล่างของเป้า 15-20% ส่วนคชจ.สำรองฯ (credit cost) ยังทรงตัวเนื่องจากบริษัทยังเดินหน้าแผนตัดหนี้สูญ ในขณะที่คุณภาพสินทรัพย์ของสินเชื่อจำนำทะเบียนรถมอเตอร์ไซค์ดีขึ้น ทั้งนี้ เราคาดว่ากำไรสุทธิใน 3Q67F จะอยู่ที่ประมาณ 1.5 พันล้านบาท (+4% QoQ และ +17% YoY)
ปรับประมาณการกำไรปี 2567F เพิ่ม 4% ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายปี 2567F เป็น 48.5 บาท แนะนำถือ
เนื่องจากบริษัทคาดว่า credit cost จะทรงตัวใน 3Q67F เราจึงปรับลดประมาณการ credit cost เต็มปีเหลือ
3.2% (จากเดิม 3.4%) และคงประมาณการปี 2568F ไว้ที่ 3.0% ซึ่งที่ระดับนี้เราใส่สมมติฐานว่าจะมีการตัด
หนี้สูญก้อนใหญ่ใน 4Q67F ไว้แล้ว ทั้งนี้ เมื่อใช้ PE ที่ 16.5x ทำให้เราได้ราคาเป้าหมายปี 2567F ที่ 48.5
บาท (เพิ่มขึ้นจากเดิม 46 บาท) ดังนั้น เราจึงยังคงคำแนะนำถือ
Risks
การใช้จ่ายของรัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้าไม่สำเร็จ, NPL เพิ่มขึ้น และ credit cost เพิ่มขึ้น, ไม่สามารถออกหุ้นกู้เพื่อระดมทุนมาขยายสินเชื่อเพิ่ม