วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก เฟดลดดอกเบี้ย 0.5%
วันพุธที่ผ่านมาดัชนีเคลื่อนไหว Sideway ออกข้าง วานนี้นักลงทุนจับตาผลการประชุมเฟด โดยคาดว่าเฟด จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% หลังจากช่วงที่ผ่านมามีสัญญาณการชะลอตัวของเงินเฟ้อ ประกอบกับตัวเลขการจ้างงานที่ซบเซา
อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น หนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,435.77 จุด -0.83 จุด -0.06% มูลค่าการซื้อขาย 56,568.28 ลบ. Program Trading +3,294.44 ลบ. ต่างชาติ +3,493.56 ลบ. TFEX +7,355 สัญญา ตราสารหนี้ +9,748.73 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) มีมติ 11 ต่อ 1 ปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.50% สู่ระดับ 4.75-5.00% ในการประชุมตามคาด
+ สหรัฐฯ เปิดเผยจำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยพุ่งขึ้น 14.2% ในสัปดาห์ที่แล้ว หลังอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองปรับตัวลง
+ เช้านี้ธนาคารกลางฮ่องกง (HKMA) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.50% สู่ระดับ 5.25% ดำเนินการตามที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% เมื่อคืนที่ผ่านมา
+ ททท. เปิดเผยว่าน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีสอบถามถึงสถานการณ์ท่องเที่ยวพร้อมหารือมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในปี 68 ททท.จะสรุปแผนกระตุ้น ท่องเที่ยวปี 68 เสนอนายกฯ อีกครั้งภายใน 1-2 สัปดาห์นี้
+ กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) รายงานความคืบหน้าสลากสะสมทรัพย์เพื่อเงินออมยามเกษียณหรือหวยเกษียณว่าจัดทำร่างกฎหมายเสร็จแล้วเตรียมเสนอกระทรวงการคลังเพื่อเสนอให้ครม.พิจารณาต่อไป คาดว่า จะเกิดขึ้นได้ภายในไตรมาสแรกปี 68
ปัจจัยลบ
- ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 103.08 จุด หรือ -0.25% ดาวโจนส์ชะลอตัวลงหลังจากพุ่งขึ้นแตะระดับสุงสุดเป็นประวัติการณ์ในระหว่างวัน หลังจาก FED ประกาศลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ซึ่งเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปี
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 28 เซนต์ หรือ -0.39% ปิด 70.91 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจาก FED ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลงมากถึง 0.50% ซึ่งทำให้นักลงทุนมองว่าเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจ
- สหรัฐอเมริกาเปิดเผยว่ากำลังรวบรวมข้อมูลหลังเกิดเหตุการณ์เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันทั่วประเทศเลบานอน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 8 ราย และบาดเจ็บอีกราว 2,750 ราย ซึ่งรวมถึงนักรบและหน่วยแพทย์ของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์
- สถานการณ์ประชาธิปไตยทั่วโลกถดถอยอีกครั้งในปี 2566 โดยความน่าเชื่อถือของการเลือกตั้งและการตรวจสอบของรัฐสภาลดลง มากที่สุดในรอบเกือบครึ่งศตวรรษจากการข่มขู่ของรัฐบาล การแทรกแซงจากต่างประเทศ การบิดเบือนข้อมูล และการหาเสียงโดย ใช้ปัญญาประดิษฐ์ในทางที่ผิด
- ส.อ.ท. เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมประจำเดือนส.ค. ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้าเนื่องจากอุปสงค์ ในประเทศชะลอตัวโดยเฉพาะสินค้าคงทนประเภทรถยนต์ สะท้อนจากยอดขายรถยนต์ในประเทศ 7M67 อยู่ที่ 354,421 คัน หดตัว 23.71% และปัญหาอื่นๆทั้งหนี้ครัวเรือน การทุ่มตลาด และต้นทุนการผลิต
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสแกว่งตัวในลักษณะ Sideway ออกข้าง หลังจากเฟดประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ตามตลาดคาด ซึ่งเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปี ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,430-1,440 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่า : BGRIM GPSC EGCO RATCH TVO TMILL JUBILE SYNEX SIS
• หุ้นได้ประโยชน์จากการซ่อมแซมหลังน้ำลด : TASCO DOHOME GLOBAL HMPRO DCC DRT TOA DPAINT
• หุ้นได้ประโยชน์จากรัฐบาลใหม่ : CK STEC SEAFCO BJC CPALL CPAXT
• หุ้น ESG Rating เด่น (AAA) : ADVANC BANPU CPF PTTGC SCC
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก Fed ลดดอกเบี้ย : SAWAD MTC TIDLOR JMT BGRIM GULF GPSC
หุ้นรายงานพิเศษ
CPAXT "ซื้อ" ราคาเหมาะสม 37 บาท
เปลี่ยนชื่อย่อเป็น "CPAXTT" ในช่วงหยุดเทรดและกลับมาใช้ชื่อย่อเดิม 3 ต.ค.
•CPAXT อยู่ระหว่างปรับโครงสร้างในการควบรวมกิจการกับบริษัท เอกชัย ดิสทริบิวชั่น จำกัด (EK-Chai) กำหนดอัตราแลกหุ้น 1 หุ้นเดิมเป็น 0.5 หุ้นในบริษัทใหม่ และ 1 หุ้นเดิมของ Ek-Chai เป็น 10 หุ้นในบริษัทใหม่ par 1 บาท และดำเนินการนำหุ้นสามัญของบริษัทใหม่เข้าจดทะเบียนในตลท. กำหนดหยุดพักการซื้อขายระหว่าง 20 ก.ย. ถึง 2 ต.ค. 2567 และจะกลับมาซื้อขายด้วยชื่อย่อเดิมตั้งแต่ 3 ต.ค. 2567
•งวด 1H67 มีรายได้ 2.42 แสนลบ. +5%YoY แม้มีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นไม่มากเพียง 3 bps แต่ต้นทุนทางการเงินลดลง 17%YoY ส่งผลให้กำไรสุทธิ 4,657 ลบ. +26.5%YoY แบ่งเป็นกำไรจากธุรกิจค้าส่ง 2,507 ลบ. -16%YoY กำไรจากธุรกิจค้าปลีก 2,150 ลบ. +209%YoY
•ความเห็น ธุรกรรมนี้ไม่กระทบกับผลการดำเนินงานแต่มีผลให้จำนวนหุ้นของบริษัทใหม่ลดลง 1.5% ซึ่งมีให้กำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้น 1.5% และคาดจะเห็น Synergy จากการควบรวมในการลดต้นทุนดำเนินงานได้บางส่วนโดยคาดว่า Bloomberg Consensus ยังคงประมาณการกำไรปี 67 ใกล้เคียงเดิมที่เฉลี่ย 10,575 ล้านบาท +22%YoY
หุ้นมีข่าว
(+) THCOM (Bloomberg Consensus 16.60 บาท) ลงนาม “เครโทส” บริษัทชั้นนำจากสหรัฐอเมริกา เสริมแกร่ง “ดาวเทียมไทยคม 10” ตั้งศูนย์ปฏิบัติการ เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการด้วยซอฟต์แวร์ขั้นสูง หนุนสร้างรายได้เพิ่ม พร้อมติดตั้งจานดาวเทียมใหม่ รองรับ TC-10 ก่อนยิงขึ้นสู่วงโคจร ฟาก “ปฐมภพ” บินตรงปารีสเจรจาพาร์ตเนอร์ใหม่ (ที่มา ข่าวหุ้น)
(+) RSP (Bloomberg Consensus - บาท) “ริช สปอร์ต” ลงนามสัญญาเป็นตัวแทนจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในไทยกับ B.Cave Company Limited จากเกาหลี ผู้ผลิตเสื้อผ้า รองเท้า และเครื่องแต่งกาย ภายใต้แบรนด์ COVERNAT ที่ได้รับความนิยมในหมู่ผู้บริโภคทั้งในเกาหลีและตลาดแฟชั่นระดับสากล มองภาพรวมครึ่งปีหลังกำลังซื้อฟื้น พร้อมเจาะตลาดคนยุคใหม่ใช้แฟชั่นสะท้อนตัวตน(ที่มา ข่าวหุ้น)
(+) STEC (Bloomberg Consensus 9.95 บาท) ปรับโครงสร้างสู่ STECON หนุนโตแกร่ง ลุยธุรกิจ New S-Curve สร้าง Recurring Income เชิญชวนทำ Tender Offer แลกหุ้นจาก STEC เป็น STECON ภายในวันที่ 21 ต.ค.นี้ ก่อนที่หุ้นของ STEC จะถูกเพิกถอนจากตลาดหลักทรัพย์ฯ คาดว่ากระบวนการทั้งหมดจะแล้วเสร็จภายในเดือนต.ค.นี้ (ที่มา ข่าวหุ้น)
(+) SINGER (Bloomberg Consensus - บาท) เดินหน้าคืนเงินกู้ระยะสั้นพร้อมดอกเบี้ย วงเงิน 400 ล้านบาท ตามกำหนด เตรียมควักกระเป๋าไถ่ถอนหุ้นกู้อีก 2,000 ล้านบาท มุ่งขยายธุรกิจตามแผน ชูสินเชื่อ SG Finance+ เติบโตกระโดด พร้อมต่อยอดแคมเปญ Lock เครื่องใช้ไฟฟ้า-ขยายเครือข่ายต่อเนื่อง พร้อมจับมือครีเอเตอร์ปั้นยอด (ที่มา ทันหุ้น)