วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ ภาพรวมระยะกลางยังเป็นบวก แต่ระยะสั้นมีสัญญาณอ่อนกำลังลงของ SET
กรรมการเฟด 3 คนให้ความเห็นเป็นบวกต่อการลดดอกเบี้ยต่อเนื่อง กรรมการเฟด 3 ท่าน ได้แก่ ออสตัน กูลส์บี ประธานเฟดชิคาโก, ราฟาเอล บอสติค ประธานเฟดแอตแลนต้า และ นีล แคชคารี ประธานเฟดมินนีแอโพลิส แสดงความเห็นในงานบรรยายที่ต่างกัน
แต่ใจความสำคัญ คือ ดอกเบี้ยสหรัฐฯ ในปัจจุบันสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยที่เป็นกลางมาก (อัตราดอกเบี้ยที่เป็นกลาง หรือ Neutral rate หมายถึง อัตราดอกเบี้ยที่ไม่ส่งเสริมการเติบโต แต่ก็ไม่ฉุดการเติบโตของเศรษฐกิจ) ทำให้มีพื้นที่ให้เฟดสามารถลดดอกเบี้ยได้ ความเห็นของกูลส์บีที่มองว่า 12 เดือนข้างหน้า มีหนทางยาวไกลที่เฟดจะลดดอกเบี้ยให้ใกล้กับดอกเบี้ยที่เป็นกลาง ทำให้ตลาดมองว่าการลดดอกเบี้ยขนาดใหญ่ในระดับ 0.50% ต่อครั้ง มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นอีก และทำให้เห็นว่าเรากำลังเข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง ซึ่งมักจะเป็นบวกกับเศรษฐกิจ และราคาสินทรัพย์เสี่ยง
เริ่มมีสัญญาณ ระวังการอ่อนกำลังลงของ SET Index ความเห็นกรรมการเฟดที่สนับสนุนภาพการลดดอกเบี้ยต่อเนื่องเป็นบวกกับบรรยากาศลงทุน อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นของหุ้นไทยและการแข็งค่าของเงินบาท ซึ่งทำให้ผลตอบแทนการลงทุนของต่างชาติสูงถึงราว 20% (หุ้น +13%, ค่าเงิน +7%) และอาจสูงกว่านั้นในหุ้นรายตัว ทำให้อาจต้องเริ่มระวังแรงทำกำไร แม้เราคงมุมมองบวกระยะกลาง-ยาวในหุ้นไทย แต่ระยะสั้นเริ่มเห็นสัญญาณการอ่อนกำลังลงใน SET50 ซึ่งแม้จะสามารถขึ้นมาจุดสูงสุดใหม่ที่ 922 จุด ได้เมื่อ 20 ก.ย. แต่จำนวนหุ้นที่ยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 20 วันลดลงเหลือ 46 หุ้น (เมื่อเทียบกับ 9 ก.ย. ที่ SET50 สูงสุดที่ 911 จุด แต่มีหุ้นยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 20 วันถึง 48 หุ้น) ขณะที่ ณ 23 ก.ย. จำนวนหุ้นยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 20 วัน ลดลงเหลือ 41 หุ้น ซึ่งแสดงถึงการอ่อนกำลัง หรือความเสี่ยงที่ตลาดระยะสั้นอาจจะปรับลงสร้างฐาน ดังนั้น ควรระวังแรงทำกำไรในหุ้นใหญ่ และการเข้าเก็งกำไรเน้นหุ้นขนาดกลางนอก SET50
ภาพรวมกลยุทธ์ เลือกเก็งกำไรรายตัว และระวังแรงขายทำกำไรหุ้นธนาคารและสื่อสารหลังหมดระยะเวลาขอใบอนุญาต Virtual Bank (19 ก.ย.) ขณะที่ระวังแรงขายทำกำไรระยะสั้นกลุ่มคล้ายพันธบัตร อาทิ ไฟฟ้า รีทส์ หลังผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อาจดีดตัวจากภาวะขายมากเกิน แต่ภาพรวมการปรับตัวลงเป็นโอกาสสะสม// อาจเลือกหุ้นที่เข้าสู่ช่วง high season อย่างกลุ่มท่องเที่ยว และการแพทย์ เราชอบ AOT, ERW, CENTEL, SPA, VRANDA
แนวรับ: 1,425-1,435 / แนวต้าน : 1,460 จุด
สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%
หุ้นแนะนำ (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)
• SYNEX* (17) : ผลการดำเนินงานมีแรงส่งที่ดีจากการลงทุนเอกชน ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐกลับมาเป็นปกติ อีกทั้งได้ประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่า ตัดขาดทุน 14.70 บาท
• TNP* (4) : สถานการณ์น้ำท่วมแม้ทำให้ต้องมีการปิด 4 สาขา แต่โดยรวมปิดเพียง 3-7 วัน และสามารกลับมาเปิดได้ตามปกติ ทำให้แทบไมได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ขณะที่บวกจากการบริโภคฟื้น และแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นภาครัฐ ตัดขาดทุน 3.50 บาท
• VRANDA* (7) : ผลการดำเนินงานปีนี้ turnaround ได้แรงหนุนจากนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น การไม่มีขาดทุนของธุรกิจอาหาร และการโอนโครงการอสังหาฯ ตัดขาดทุน 5.30 บาท
• SAMART* (8) : ผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และคาดฟื้นตัวต่อเนื่อง จากการกลับมาของรายจ่ายภาครัฐฯ และการลงทุนด้าน IT/AI ตัดขาดทุน 6.60 บาท
ประเด็นที่น่าสนใจ
- ดัชนี PMI รวมภาคผลิต-บริการสหรัฐร่วงต่ำสุดรอบ 2 เดือนในก.ย.
- "แฮร์ริส" เล็งประกาศนโยบายเศรษฐกิจชุดใหม่สัปดาห์นี้ หนุนสร้างความมั่งคั่งให้ชาวมะกัน
- โพลชี้ "แฮร์ริส" ทำคะแนนนำห่าง "ทรัมป์" มากขึ้น
- "วายุภักษ์ หนึ่ง" สรุปหน่วยลงทุนเสนอขายสุดท้าย 15,000 ล้านหน่วยดีมานด์ล้น
- พรรคร่วมรัฐบาล นัดถก 1 ต.ค. อัพเดทแก้รธน.
- CRC ส่ง "โก โฮลเซลล์" ปักหมุดเปิดสาขา 9 กลางเมืองภูเก็ต
- ORI เดินหน้าเปิดโครงการใหม่ตอกย้ำความสำเร็จทำเลภูเก็ต
- PTT ออกหุ้นกู้ 500 ลบ.อายุ 1 ปีดอกเบี้ย 2.38%
- THG ปัญหาที่เกิดขึ้นโดยหลักเป็นการกู้ยืมของอดีตผู้บริหารและครอบครัว
- BSRC แนะนำ ซื้อ เป้า 9 บาท/ KBANK แนะนำ ซื้อ เป้า 190 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
26 ก.ย. – Fed Chair Powell Speech
27 ก.ย. – US Inflation (PCE) (Aug)
30 ก.ย. – CN NBS Manufacturing PMI (Sep)