วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง US 2Q24 GDP Growth/Core PCE
ทางเทคนิค คาด SET Index เคลื่อนไหว Sideways Up แนวต้าน 1,471/1,477 จุด แนวรับ 1,451/1,447 จุด ภาพระยะกลางอยู่ในรูปแบบ Sideways กรอบใหญ่ 1,274-1,696 จุด โดยมีแนวต้านที่ 1,489 จุด (EMA 50 เดือน)/1,547 จุด ตามลำดับ
ส่วนในระยะสั้น ดัชนีฯ คาดเคลื่อนไหวในลักษณะ Zig-Zag Up เนื่องจากสัญญาณเตือนของการปรับฐาน จากการเข้าเขต Overbought Area ของเครื่องมือ RSI, Stochastic เราแนะนำ ซื้อเก็งกำไรเมื่ออ่อนตัว
ประเด็น Event สำคัญวันนี้
EU: สุนทรพจน์ของประธานอีซีบี Lagarde จับตาสัญญาณการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของ ECB ในการประชุมครั้งต่อไป
US: งานสัมมนาประจำปี the 10th annual US Treasury Market Conference ที่นิวยอร์ก จับตาสุนทรพจน์ของประธานเฟด Powell, Fed NY Williams, รมว.คลัง Janet Yellen และ ประธานกลต. สหรัฐฯ Gary Gensler ความเห็นต่อแนวโน้มดอกเบี้ยในการประชุมเฟดครั้งต่อไปว่าจะเป็น 25 bps หรือ 50 bps
JP: รายงานผลประชุม BOJ ครั้งที่ผ่านมา จับตาแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นเมื่อไร
ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ
US: รายงานการเติบโตทางเศรษฐกิจ 2Q24E GDP Growth ครั้งสุดท้าย คาดเติบโตเท่าเดิม +3% QoQ (Vs 1Q24 GDP +1.4% QoQ) ขณะที่แนวโน้มเติบโตครึ่งปีหลัง ทาง Trading Economics คาด 3Q/4Q24E GDP เติบโตลดลงเหลือ +1.2% QoQ และ +1.7% QoQ ตามลำดับ แต่ Fed Atlanta คาดการณ์ 3Q24E GDP ล่าสุด เติบโตสูง +3.0% QoQ ทั้งนี้ Dot Plot ใหม่ของเฟด คาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเติบโต 2% YoY ในปี 2024-26E ทำให้ความเสี่ยงของการเกิด Recession มีความเป็นไปได้น้อยลง
US: รายงานเงินเฟ้อ 2Q24E GDP ครั้งสุดท้าย คาด Core PCE เติบโตลดลงเหลือ +2.8% QoQ (Vs 1Q24 GDP +3.7% QoQ) เช่นเดียวกันกับ PCE Price Inflation คาดเติบโตลดลงเหลือ +2.5% QoQ (Vs 1Q24 +3.4% QoQ) ทั้งนี้ Dot Plot ของเฟดครั้งล่าสุดคาดระดับ 2024E Core PCE/Price PCE จะปรับลดลงมาอยู่ที่ 2.6% YoY (Vs เดิม 2.8% YoY) และ 2.3% YoY (Vs เดิม 2.6% YoY) ตามลำดับ เพิ่มโอกาสให้เฟดลดดอกเบี้ยได้อย่างต่อเนื่อง
US: Durable Goods Orders เดือน ส.ค. โดย Consensus คาด -2.6% MoM (Vs ลดลงมากเมื่อเทียบกับ +9.9% MoM ในเดือน ก.ค.)
กลยุทธ์การลงทุน: แนะนำ BDMS WHA CPALL
Strategic daily picks
BDMS ปิด 31.00 บาท/แนวรับ 30.00 บาท แนวต้าน 33.00 บาท
บริษัทมีแผนที่จะขยายโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นในต่างจังหวัดที่มีศักยภาพ และเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงบุคลากรทางการแพทย์ เนื่องจากบริษัทมีผู้ป่วยต่างจังหวัดสัดส่วน 45% ของรายได้รวม นอกจากนี้ บริษัทมีฐานผู้ป่วยในไทยเป็นหลักที่ 71% ทำให้ไม่ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยยะจากการเดินทางระหว่างประเทศ และ/หรือ การปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้บริการของผู้ป่วยตะวันออกกลางที่ใช้สิทธิของภาครัฐ โดย KTX ประเมินมูลค่าเหมาะสม 12M FWD ที่ 28.75 บาท
WHA ปิด 5.45 บาท/แนวรับ 5.20 บาท แนวต้าน 5.85 บาท
เบื้องต้น KTX ประเมินผลการดำเนินงาน 2H24E จะทรงตัว YoY จากฐาน backlog 2Q24 ที่ 858 ไร่ ใกล้เคียง 2Q23 ที่ 800 ไร่ และที่ดินบางส่วนเป็นที่ดินในนิคม WHA IER ขณะที่คาดว่ากำไรจะดีขึ้น HoH จากการรับรู้รายได้จากการขายทรัพย์ให้กอง WHAID ใน 4Q24E ทั้งนี้ KTX ประมาณการกำไรปกติปี 2024 ที่ 4.8 พันล้านบาท (+9% YoY) และมูลค่าเหมาะสม 12M FWD ที่ 5.80 บาท
CPALL ปิด 66.00 บาท/แนวรับ 63.50 บาท แนวต้าน 70.25 บาท
บริษัทคาดแนวโน้มผลงาน 2H24 ปรับดีขึ้นกว่า 1H24 เพราะธุรกิจมีการทำตลาดลูกค้าใหม่ ๆ เพิ่มเติมผ่านการขยายสาขาต่อเนื่องในปี 2024 นอกจากนี้ บริษัทตั้งงบลงทุนกว่า 1.2-1.3 หมื่นล้านบาท ในการเปิดสาขาใหม่และพัฒนาช่องทางการจัดจาหน่ายสินค้าและบริการ (ทั้งออนไลน์และออฟไลน์) ส่วนการทุ่มตลาดของสินค้าจีนที่เข้าไทยนั้น บริษัทประเมินว่าไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินงานของธุรกิจ เนื่องจากสินค้าส่วนใหญ่ของบริษัทเป็นกลุ่มอาหารและกลุ่มที่ไม่เกี่ยวข้องกับอาหาร ทั้งนี้ KTX ประมาณการกำไรปกติปี 2024 ที่ 23.7 พันล้านบาท และประเมินมูลค่าเหมาะสม 12M FWD ที่ 62.17 บาท