วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ SCB คาดกำไรสุทธิ 3Q24F ทรงตัว y-y ลดลง q-q
เรามีมุมมอง Neutral ต่อกำไรสุทธิ 3Q24F ที่ 9.70 พันลบ. กำไรทรงตัว y-y ลดลง -3% q-q เพราะ i) ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (OPEX) เพิ่มขึ้น จากค่าใช้จ่าย Robinhood ii) ค่าใชจ่ายสำรอง (ECL) เพิ่มขึ้น เพราะคุณภาพสินทรัพย์อ่อนแอลง
ทั้งนี้เราปรับกำไรสุทธิ 2025-26F ขึ้นปีละ +(2)% เพราะเรามองว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของทางภาครัฐจะช่วยลดปัญหาการตกชั้นของลูกหนี้ ส่งผลต่อ TP25F ปรับขึ้นเป็น 110 บ. ภาพรวมเรามอง SCB คงปันผลเด่น dividend yield ประมาณ 9% ต่อปี สูงสุดในกลุ่มธนาคาร
คาด SCB รายงานกำไรสุทธิ 3Q24F ที่ 9.70 พันลบ. ทรงตัว y-y ลดลง -3%q-q
เราคาดวันที่ 21/10/2024 SCB รายงานกำไรสุทธิ 3Q24F ที่ 9.70 พันลบ. กำไรทรงตัว y-y ลดลง -3%
q-q เพราะ i) ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (OPEX) เพิ่มขึ้น +1%q-q จากค่าใช้จ่าย Robinhood ii)
ค่าใช้จ่ายสำรอง (ECL) เพิ่มขึ้น +5% q-q เพราะคุณภาพสินทรัพย์อ่อนแอ จากการตกชั้นของ EA จาก
stage 1 ไป stage 2 และการตกชั้นของลูกหนี้สินเชื่อรายย่อยโดยเฉพาะกลุ่มบ้าน และกลุ่มรถ สำหรับ
สินเชื่อลดลง -0.2% y-y เพิ่มขึ้น +0.5% q-q คิดเป็น +1.0%YTD การเพิ่มขึ้น q-q จากสินเชื่อภาคธุรกิจ
ด้านคุณภาพสินทรัพย์ NPL Ratio อยู่ที่ 3.40% เพิ่มจาก 3.34% จากการตกชั้นของลูกหนี้รายย่อย
ประเด็นสำคัญ
- คาดรายได้ดอกเบี้ย NII ที่3.25 หมื่นลบ. (+3% y-y, ทรงตัว q-q): เพิ่มขึ้น y-y ทรงตัว q-q เพราะ NIM ที่ 3.80% เพิ่มจาก 3Q23 ที่ 3.74% เพราะ yield on loan ลดลงจาก 2Q24 ที่ 3.90% เพราะ repricing fixed deposit สำหรับสินเชื่อลดลง -0.2% y-y เพิ่มขึ้น +0.5% q-q คิดเป็น +1.0%YTD การเพิ่มขึ้น q-q จากสินเชื่อภาคธุรกิจ
- คาดรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย Non-NII ที่ 1.11 หมื่นลบ. (-6% y-y, +4% q-q): ลดลง y-y เพราะรายได้ค่าธรรมเนียม-บริการลดลง -9% y-y และ -2% q-q จาก bancassurance และ brokerage fee ขณะที่เพิ่มขึ้น +4% q-q จากเงินลงทุน (FVTPL)
- คาดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน OPEX ที่ 1.88 หมื่นลบ. (+2% y-y, +1% q-q): เพิ่มขึ้น y-y และ q-q จากเราคาดว่าธุรกรรมการขาย Robinhood ยังอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อขายกับผู้สนใจ ดังนั้น คาด SCB ต้องบันทึกค่าใช้จ่าย impairment asset ของ Robinhood ที่ 1 พันลบ. ( หากปิดการเจรจาซื้อขาย Robinhood ได้ทัน 3Q24 จะทำให้ SCB บันทึกค่าใช้จ่าย impairment asset น้อยลง) เทียบกับ 2Q24 บันทึกค่าใช้จ่าย Robinhood ที่ 800 ลบ. โดย Cost to Income อยู่ที่ 43.1% เทียบกับ 42.7% ใน 3Q23 และ 42.9% ใน 2Q24
- คาดค่าใช้จ่ายสำรอง ECL ที่ 1.22 หมื่นลบ. ( ทรงตัว y-y, +5% q-q): ทรงตัว y-y เพิ่มขึ้น q-q คาดลูกหนี้อ่อนแอ จาก i) การตกชนั้ ของ EA จาก stage 1 ไป stage 2 ii) การตกชั้นของลูกหนี้สินเชื่อรายย่อยโดยเฉพาะกลุ่มบ้าน และกลุ่มรถ โดย Gross NPL คาดเพิ่มขึ้น +2% q-q ทำ ให้ NPL Ratio ที่ 3.40% เพิ่มจาก 3.34% ใน 2Q24 สำหรับ Coverage Ratio ที่ 154% ใกล้กับ 2Q24
ปรับกำไรสุทธิ 2025-26F ขึ้นปีละ +(2)% จากค่าใช้จ่ายสำรองลดลง
เราปรับกำไรสุทธิ 2025-26F ขึ้นปีละ +(2)% อยู่ที่ 4.32 และ 4.40 หมื่นลบ. ตามลำดับ จากค่าใช้จ่ายสำรอง (credit cost) เพราะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของทางภาครัฐ เช่น โครงการแจกเงิน 10,000 บ. และการปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ เป็นต้น
คงคำแนะนำ NEUTRAL แต่ปรับ TP25F เป็น 110 บ.
เราคงคำแนะนำ NEUTRAL แต่ปรับ TP25F เป็น 110 เดิม 100 บ. เรามองมีจุดเด่นเรื่องปันผล dividend
yield ประมาณ 9% ต่อปี ซึ่งสูงสุดในกลุ่มธนาคาร