วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก PCE สหรัฐต่ำคาด

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก PCE สหรัฐต่ำคาด

วันศุกร์ที่ผ่านมาดัชนีพักตัวติดต่อกัน 3 วันทำการ โดยตลาดขาดปัจจัยใหม่มากระทบ มีแรงขาย ทำกำไรในหุ้น Big Cap ขณะที่นักลงทุนจับตาการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐช่วงเย็นวันศุกร์ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ

ประกอบกับรอเม็ดเงินจากกองทุนวายุภักษ์ ที่จะเริ่มลงทุนในตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,450.15 จุด -4.88 จุด -0.34% มูลค่าการซื้อขาย 60,569.97 ลบ. (ในสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนี -1.54 จุด -0.11%) Program Trading -1,510.55 ลบ. ต่างชาติ -1,804.24 ลบ. TFEX -5,935 สัญญา ตราสารหนี้ -8,637.28 ลบ.+

ปัจจัยบวก    

+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 137.89 จุด หรือ +0.33% เนื่องจากข้อมูลเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาดทำให้มีความหวังว่า FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก ส่วนดัชนี S&P500 และดัชนี Nasdaq ปรับตัวลงเล็กน้อย แต่ก็ยังคงอยู่ใกล้กับระดับสูง เป็นประวัติการณ์ ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีดาวโจนส์บวก 0.59%,
+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 51 เซนต์ หรือ +0.75% ปิดที่ 68.18 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ลดลง 5% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่นักลงทุนประเมินผลกระทบระหว่างการคาดการณ์เกี่ยวกับปริมาณน้ำมันที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก กับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่
+สหรัฐเปิดเผยว่าดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลทั่วไป (Headline PCE) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.2%YoY ในเดือนส.ค. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.3% จากระดับ 2.5% ในเดือนก.ค. บ่งชี้แรงกดดันจากเงินเฟ้อที่แผ่วลงต่อเนื่องจาก
+ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่านักลงทุนคาดว่ามีโอกาส 52.1% ที่ FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% ในการประชุมครั้งหน้า เพิ่มขึ้นจาก 50% ก่อนการเปิดเผยข้อมูล
+ ภายในสัปดาห์นี้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) จะนัดหารือหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องกับโครงการเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เพื่อสรุปรายละเอียดและคาดว่าจะเสนอ ครม. พิจารณาอนุมัติได้ช่วงปลายเดือน ต.ค.นี้
 

 

+ ธ.ก.ส.เปิดเผยว่าพร้อมดำเนินมาตรการพักชำระหนี้ลูกหนี้รายย่อย ในระยะที่ 2 เพื่อลดภาระหนี้ให้แก่ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ที่ยังไม่ฟื้นตัวและบรรเทาภาระด้านหนี้สินให้แก่ลูกหนี้

ปัจจัยลบ  

- รัสเซียประณามในการประชุมสมัยชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UN) ครั้งที่ 79 ว่า ชาติตะวันตกยังคงบั่นทอนความไว้วางใจระดับโลกอย่างต่อเนื่อง ผ่านการดำเนินการฝ่ายเดียวไม่สนใจ UN
- กลุ่มรัฐอิสลามหรือไอเอส (IS) ออกมาแสดงตัวว่า เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตี ด้วยโดรนสองลำใส่เป้าหมายอิสราเอล
- กองทัพจีนเปิดเผย ว่า กองกำลังทางอากาศและทางทะเลของจีนกำลังดำเนินการฝึกซ้อมในพื้นที่พิพาทในทะเลจีนใต้ หลังจากรมว.ต่างประเทศของจีนและสหรัฐฯ หารือกันเกี่ยวกับวิธีการลดความตึงเครียดในภูมิภาคได้ไม่กี่ชั่วโมง
- บริษัทจีนถูกกดดันให้ซื้อชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ผลิตในประเทศแทนผลิตภัณฑ์ของอินวิเดีย (Nvidia) ของสหรัฐ จากความพยายามของจีนในการขยายอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และตอบโต้การคว่ำบาตรของสหรัฐฯ
- กรมอุตุนิยมวิทยาชี้แจงกรณีอากาศแปรปรวนบริเวณประเทศไทยตอนบนในช่วงวันที่ 29 ก.ย.- 3 ต.ค.67 เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคเหนือด้านตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย

แนวโน้มตลาดวันนี้    

คาดดัชนีวันนี้ยังแกว่งตัวผันผวนระหว่างวัน โดยมีแรงหนุนจากข้อมูลเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาดทำให้มีความหวังว่า เฟด จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก ขณะที่ตลาดยังถูกกดดันจากจากเงินเยนที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังจาก ชิเงรุ อิชิบะ ชนะการเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่น ซึ่งสนับสนุนแนวทางการปรับขึ้น อัตราดอกเบี้ยของ BOJ คาดกรอบดัชนีวันนี้ที่ 1,440-1,455 จุด

 

 

กลยุทธ์การลงทุน    

• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่า : BGRIM GPSC EGCO RATCH TVO TMILL JUBILE SYNEX SIS
• หุ้นได้ประโยชน์จากการซ่อมแซมหลังน้ำลด : TASCO DOHOME GLOBAL HMPRO DCC DRT TOA DPAINT
• หุ้นได้ประโยชน์จากรัฐบาลใหม่ : CK STEC SEAFCO BJC CPALL CPAXT
• หุ้น ESG Rating เด่น (AAA) : ADVANC BANPU CPF PTTGC SCC
• สินค้าส่งออกเดือนส.ค.ที่ยังเติบโต : ITC AAI STA NER TEGH GFPT FM

หุ้นรายงานพิเศษ  

PR9 - "ซื้อเก็งกำไร" Bloomberg Consensus  23.10 บาท
คาด 2H67 เติบโตต่อเนื่อง HoH จากการเข้าสู่ช่วง High Season

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก PCE สหรัฐต่ำคาด

งวด 2Q67 มีกำไร 139 ลบ. +15YoY -13QoQ จากรายได้กิจการโรงพยาบาล 1,084 ลบ. +8%YoY +1%QoQ เติบโตจากทั้งกลุ่มผู้ป่วย OPD +10%YoY และ IPD +5%YoY จากจำนวน Visit ที่เพิ่มขึ้น การทยอยปรับเพิ่มค่าบริการบางรายการ และรายได้ต่อบิลที่สูงขึ้นจากการรักษาโรคซับซ้อน ส่วน %EBITDA อยู่ที่ระดับ 21.5% (2Q66 = 21.4%, 1Q67 = 24%) ดีขึ้น YoY จากประสิทธิภาพการดำเนินงาน แต่อ่อน QoQ จากค่าใช้จ่ายการตลาดที่เพิ่มขึ้น โดย 1H67 มีกำไร 298 ลบ. +30%YoY

ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อแนวโน้ม 2H67 คาดเติบโตต่อเนื่อง HoH จากการเข้าสู่ช่วง High Season ตั้งแต่ 3Q67 ที่มีโรคประจำฤดูกาล ประกอบกับแนวโน้มกลุ่ม ลูกค้าประกัน (สัดส่วน 26%) ทยอยปรับดีขึ้นจากความสามารถในการแข่งขันด้านราคา และกลุ่มลูกค้าต่างชาติ (สัดส่วน 15%) มีแนวโน้มโตต่อเนื่องจากมีการจัดทีมดูแล และประชาสัมพันธ์ อาทิ กลุ่มอาหรับ พม่า บังกลาเทศ และซาอุฯ นอกจากนี้ ยังมีโอกาสเป็น 1 ใน 3 ของ รพ.เป้าหมายที่รัฐบาลคูเวตจะส่งคนไข้มารักษา ทั้งนี้ Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 67 ราว 655 ลบ. +17%YoY (1H67 คิดเป็น 45%) และราคาเหมาะสม 23.10 บาท มี Upside เพียง 3% ตามลำดับ ขณะที่มี ESG Rating AAA เป็นเป้าหมายของกองทุนวายุภักษ์ จึงแนะนำ "ซื้อเก็งกำไร"

หุ้นมีข่าว

(+) BCH (Bloomberg Consensus 21.00 บาท) คาดประกันสังคมปรับขึ้นค่ารักษาพยาบาลโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นจาก 7.2 พันบาทต่อกรณี ภายในไตรมาส 4 ปีนี้ ก่อนเซ็นสัญญาให้บริการปีหน้า หลังยอมรับอัตราดังกล่าวไม่เป็นธรรม-ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นพิจารณาแล้ว ด้านผลดำเนินงานไตรมาส 3/2567 สูงสุดปีนี้ ด้านโบรกคาดรายได้ปีนี้มีอัพไซด์ 1.4% หาก SSO ปรับค่ารักษา (ที่มา ทันหุ้น)

(+) ITEL (Bloomberg Consensus 2.70 บาท) ผลงานโค้งสุดท้ายเติบโตต่อเนื่อง แรงหนุนโครงการลงทุนภาครัฐ-เอกชน ด้านดาต้า เซ็นเตอร์ เตรียมประมูลงานใหม่เติมพอร์ต ช่วงไตรมาส 4/2567 ปัจจุบันมี Backlog กว่า 2,500 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่อง คงประมาณการรายได้ปีนี้ที่ 3,500 ล้านบาท(ที่มา ทันหุ้น)

(+) PJW (Bloomberg Consensus 2.80 บาท) แย้มผลงานไตรมาส 4/2567 ลงทุนสร้างโรงงานรองรับงานเพิ่ม ธุรกิจซักรีดผ้ายอดขายโตแรง เตรียมขายผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์จากพลาสติก คาดผลตอบรับดี สร้างการเติบโตระยะยาว ด้านกลุ่มบรรจุภัณฑ์พลาสติกออเดอร์ลูกค้ายังมีมาก และชิ้นส่วนยานยนต์ คาดจะได้รับงานใหม่ๆ เข้ามาช่วงปลายปี (ที่มา ทันหุ้น)

(+) WARRIX (ราคาเหมาะสม 4.70 บาท) ชี้กระแสบอลไทยดี ดันยอดขายต่อเนื่อง แม้นักเตะทีมชาติเปลี่ยนหน้าแต่ตารางแข่งขันเพียบ จับตาแข่งคิงส์คัพตุลาคมนี้ดันยอดอีก ปลายปีเข้าฤดูกาลเอเชียนคัพ รุกกีฬาวิ่งตั้งเป้าจัดงานปีละ 5-6 ครั้ง ลุยต่อไลฟ์สไตล์ เดินหน้าขายช่องทางขายแบบ ป็อบอัพ ลงทุนน้อย คล่องตัว เน้นสินค้ามาร์จิ้นสูง (ที่มา ทันหุ้น)