วิเคราะห์หุ้น : บล.กรุงศรี Healthcare - รพ.เอกชน 2 แห่ง ถอนตัวจากประกันสังคม มองเป็นโอกาสของ รพ.พื้นที่ใกล้เคียง
เรามองว่ารพ.เอกชน 2 แห่ง (รพ.กรุงเทพ สุราษฎร์, รพ.ซีจีเอส สายไหม) ถอนตัวจากคู่สัญญาของประกันสังคมไม่เป็นปัจจัยลบต่อกลุ่ม รพ.
เนื่องจาก 1) ในแต่ละปีจะมีรพ.เอกชน ยื่นเข้าร่วมหรือถอนตัวจากคู่สัญญาประกันสังคมตามปกติ และ 2) เป็นโอกาสของรพ.เอกชนในพื้นที่ใกล้เคียง และมีโควต้าเหลือสามารถรับผู้ประกันตนเพิ่ม กรณี รพ.ซีจีเอส สายไหม มองเป็นโอกาสต่อ BDMS เนื่องจาก รพ.พญาไท นวมินทร์ อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง และมีโควต้าเหลือ ส่วนประเด็นความชัดเจนการจ่ายค่าบริการสำหรับโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง (RW>2) ปี 2024 และปี 2025 น่าจะมีความชัดเจนวันที่ 16 ต.ค.24 ซึ่งหากคงอัตราจ่ายที่ 12,000 บาท/RW จะไม่มีผลกระทบต่อประมาณการ BCH และ CHG คงคำแนะนำ Bullish ต่อกลุ่มการแพทย์ หุ้นเด่นเลือก BDMS (TP 38 บาท) และ CHG (TP 3.20 บาท)
ประเด็นสำคัญ
- ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา รพ.กรุงเทพ สุราษฎร์ และ รพ.ซีจีเอส สายไหม แจ้งขอถอนตัวจากการเป็นรพ.คู่สัญญากับสำนักงานประกันสังคม โดยผู้ประกันตนของ รพ.ทั้ง 2 แห่งดังกล่าว สามารถใช้บริการได้ต่อเนื่องจนถึงวันที่ 31 ธ.ค.24
- เลขาธิการประกันสังคม (นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์) ระบุ รพ.กรุงเทพ สุราษฎร์ แจ้งถอนตัวจากประกันสังคม เนื่องจากมีขนาดเล็ก และมีผู้ประกันตนลงทะเบียนเลือกใช้สิทธิน้อย ประกอบกับ จ.สุราษฎร์ฯ มีจำนวนผู้ประกันตนไม่มาก ส่วน รพ.ซีจีเอส สายไหม (มีจำนวนผู้ประกันตนราว 9 หมื่นราย) ต้องการให้ผู้ประกันตนเข้าไปรับบริการที่ รพ.ซีจีเอส ลำลูกกา ทำให้แจ้งออกจากประกันสังคม ทั้งนี้เลขาฯ ประกันสังคมยืนยันว่า การออกจากประกันสังคมของ รพ. 2 แห่งไม่กระทบกับผู้ประกันตน ซึ่งกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินสามารถเข้ารับบริการได้ตามสิทธิ UCEP และกองทุนเงินทดแทน (ที่มา:กรุงเทพธุรกิจ)
ความเห็นและคำแนะนำ
- เรามองว่าข่าว รพ.เอกชนถอนตัวจากคู่สัญญาของประกันสังคมไม่เป็นปัจจัยลบต่อกลุ่ม รพ. เนื่องจาก 1) ในแต่ละปีจะมีรพ.เอกชน ยื่นเข้าร่วมหรือถอนตัวจากคู่สัญญาประกันสังคม (ปัจจุบันรพ.เอกชนจานวน 93 แห่งเป็นคู่สัญญากับสนง.ประกันสังคม) และ 2) เป็นโอกาสของรพ.เอกชนที่ให้บริการประกันสังคมในพื้นที่ใกล้เคียงกับ รพ.แจ้งถอนตัว และมีโควต้าเหลือรับผู้ประกันตนเพิ่ม
- กรณี รพ.กรุงเทพ สุราษฎร์ ออกจากประกันสังคม เรามองว่าจะมีผลกระทบจำกัดต่อ BDMS ตามบทวิเคราะห์ BDMS วันที่ 30 ก.ย.24 ส่วน รพ.ซีจีเอส สายไหม ถอนตัวจากประกันสังคม และต้องการให้ผู้ประกันตนไปรับบริการที่ รพ.ซีจีเอส ลำลูกกา (ระยะห่าง 12 ก.ม.) ซึ่งมีโควต้าเหลือรับผู้ประกันตนเพิ่มราว 7 พันราย เรามองว่าจะเป็นโอกาสต่อ BDMS ซึ่งมี รพ.พญาไท นวมินทร์ (ระยะห่าง 15 ก.ม.) อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง และยังมีโควต้าเหลือรับผู้ประกันตนราว 1.6 แสนราย
- เรามองว่าการให้บริการลูกค้าประกันสังคมมีปัจจัยสำคัญคือ จำนวนผู้ประกันตนเลือกใช้สิทธิ และประสิทธิภาพในการบริหารต้นทุน ส่วนกรณีนายกสมาคม รพ.เอกชน (นพ.ไพบูลย์ เอกแสนศรี) เรียกร้องให้สำนักงานประกันสังคมแสดงความชัดเจนเรื่องการจ่ายค่าบริการผู้ป่วยในสำหรับโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง (RW>2 ของปี 2024 และปี 2025 จะคงอัตราจ่ายที่ 12,000 บาท/RW น่าจะมีความชัดเจนจากการประชุมคณะกรรมการแพทย์ สปส ในวันที่ 16 ต.ค.24 ซึ่งหากคงอัตราจ่ายที่ 12,000 บาท/RW จะไม่มีผลกระทบต่อประมาณการรายได้และกำไรสุทธิของ BCH และ CHG
- เราประเมินการเปลี่ยนแปลงอัตราจ่ายค่ารักษา RW>2 เพิ่มขึ้น/ลดลงทุก 1,000 บาท จะมีผลต่อกำไรสุทธิของ BCH ราว +/-0.6% และ CHG ราว +/-0.5% ตามลำดับ โดยประเมินจากสมมติฐาน 1) สัดส่วนรายได้ประกันสังคม 1H24 ของ BCH ที่ 33.7%, CHG 33% และ 2) สัดส่วนรายได้ค่ารักษาส่วน RW>2 ของทั้ง 2 รพ. ราว 20%
- คงน้ำหนักลงทุน Bullish สำหรับกลุ่มการแพทย์ เนื่องจาก 1) ได้ประโยชน์จากผู้สูงอายุมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น 2) การเพิ่มสิทธิประโยชน์รักษาโรครุนแรงของโครงการรัฐ ช่วยเพิ่มอัตราใช้บริการและ Intensity ค่ารักษา 3) มีโอกาสขยายฐานลูกค้าต่างชาติใหม่ และการขยายตัวของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ 4) คาดกำไรรวมกลุ่มฯ (+10%CAGR 24-26) เติบโตต่อเนื่อง นอกจากนี้ Valuation ของกลุ่มฯ ซื้อขาย PE ปี 25F เฉลี่ย 27 เท่า เทียบเท่า Mean PE ของกลุ่มฯ หุ้นเด่นเลือก BDMS (Buy TP 38) และ CHG (Buy TP 3.20)