วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ ITC ประมาณการ 3Q67F: กำไรจะเพิ่มขึ้น YoY แต่จะลดลง QoQ
เราคาดว่ากำไรสุทธิของ ITC ใน 3Q67F จะเพิ่มขึ้น 49% YoY เป็น 958 ล้านบาท เนื่องจากยอดขายเพิ่มขึ้น และ GPM ดีขึ้นมาก อย่างไรก็ตาม เราคาดว่ากำไรจะลดลง 5% QoQ เนื่องจากค่าใช้จ่าย SG&A สูงขึ้น
เพราะบริษัทอยู่ในกระบวนการปรับเปลี่ยนทางธุรกิจ และมีค่าใช้จ่ายทางการตลาดเพิ่มขึ้น เราคาดว่าสัดส่วน SG&A ต่อยอดขายจะเพิ่มขึ้น 2.3ppts YoY และ 0.5ppt QoQ เป็น 9.0% โดยคาดว่ายอดขายจะยังเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง 16% YoY เป็น 4.6 พันล้านบาท แต่จะทรงตัว QoQ เนื่องจากความล่าช้าในการขนส่งสินค้าบางรายการ เรามองว่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างมากจะไม่ส่งผลกระทบในระยะสั้นเพราะบริษัทป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน เราคาดว่า GPM ในไตรมาสนี้จะยังสูงเป็นพิเศษอยู่ที่ 29.5% (+10.3ppts YoY, -0.5ppts QoQ) เพราะราคาปลาทูน่าลดลงผิดคาด แม้ว่าค่าเสื่อมราคาจะเพิ่มขึ้นจากโรงงานแห่งใหม่ ทั้งนี้ เราได้ปรับลดสมมติฐานราคาปลาทูน่าปีนี้ลง 15% เหลือ US$1,420/ตัน และ ปี 2568F ลง 9% เหลือ US$1,550/ตัน
โมเมนตัมกำไรจะยังเป็นบวกต่อเนื่องใน 4Q67F
ITC ยังคงมองว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้นใน 4Q67F โดยบริษัททำยอดขายได้แล้ว 50% ของเป้า ยอดขายที่
เพิ่มขึ้นจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของกำไรในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้ง YoY และ QoQ อย่างไรก็ตาม GPM น่าจะลดลง QoQ เนื่องจากคาดว่าราคาปลาทูน่าจะสูงขึ้น
คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาทชัดเจนขึ้นในปีหน้า
ราคาปลาทูน่าใน 2H67F ที่ต่ำเกินคาดทำให้เราปรับเพิ่มสมมติฐาน GPM ปีนี้ขึ้นอีก 2.8ppts เป็น 27.0%
และ ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2567F ขึ้นอีก 9% เป็น 3.61 พันล้านบาท (+58% YoY) อย่างไรก็
ตาม เนื่องจากเงินบาทแข็งค่าขึ้นฉับพลัน เราจึงปรับสมมติฐานอัตราแลกเปลี่ยนใหม่เป็น 32.5 บาท/ดอลลาร์ฯ จากเดิม 34.3 บาท/ดอลลาร์ฯ โดยคาดว่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นจะกระทบกับยอดขายสกุลบาทในปี 2568F และ ITC อาจจะต้องยอมเฉือน GPM ลงเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันเอาไว้ ดังนั้น เราจึงปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2568F ลง 2% เหลือ 3.79 พันล้านบาท (+5% YoY)
Valuation & action
ถึงแม้เราจะคาดว่าผลประกอบการจะแข็งแกร่งใน 2H67F แต่เราเป็นห่วงว่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นจะกระทบกับการเติบโตในปีหน้า ดังนั้น เราจึงปรับลดคำแนะนำจากซื้อเป็นถือ และ ขยับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2568F ที่ 25.25 บาท และ de-rate PER เหลือ 20x (จากเดิม 25x) เพื่อสะท้อนถึงแนวโน้มการเติบโตที่ชะลอตัวลง
Risks
ความผันผวนของราคาวัตถุดิบ, อัตราแลกเปลี่ยน และ การแข่งขันในตลาด