วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ PTTEP ความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่เพิ่มสูงขึ้น
ราคาน้ำมันดิบ WTI ดีดตัวขึ้น 9% WoW เป็น US$74.4/bbl เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว เนื่องจากสถานการณ์ในตะวันออกกลางทวีความตึงเครียดยิ่งขึ้น โดยเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม อิหร่านได้ยิงขีปนาวุธประมาณ 180 ลูกใส่อิสราเอลเพื่อตอบโต้การโจมตีของอิสราเอล
ที่ทำให้ผู้นำ Hezbollah และผู้นำกองทัพทหารอิหร่านเสียชีวิต จากการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลในกรุงเบรุตเมื่อสองสัปดาห์ก่อน ต่อมาในวันที่ 4 ตุลาคม ประธานาธิบดี Joe Biden ของสหรัฐได้ส่งสัญญาณคัดค้านการตอบโต้ของอิสราเอลด้วยการโจมตีแหล่งน้ำมันและโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน แต่อย่างไรก็ตาม อิสราเอลยังไม่ได้ให้คำยืนยันกับรัฐบาลสหรัฐว่าจะไม่ตั้งเป้าหมายการโจมตีตอบโต้ไปที่แหล่งน้ำมันและโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน ทั้งนี้ ตลาดเป็นห่วงว่าอุปทานน้ำมันในช่องแคบฮอร์มุซอาจจะถูกกระทบ ถ้าหากอิสราเอลโจมตีแหล่งน้ำมันของอิหร่านจริงๆ เพราะช่องแคบฮอร์มุซเป็นจุดขนถ่ายน้ำมันที่สำคัญที่สุดในโลก โดย EIA รายงานว่าปริมาณน้ำมันที่มีการส่งผ่านช่องแคบแห่งนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 20.5 MBD ใน 1H66 แบ่งเป็น i) น้ำมันดิบและคอนเดนเสท 14.7 MBD และ ii) ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม 5.8 MBD คิดเป็น 27% ของปริมาณการค้าน้ำมันทางทะเลทั้งโลก และ 20% ของปริมาณการใช้ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมที่เป็นของเหลวทั้งโลก
คาดว่ากำไรสุทธิใน 3Q67F จะลดลง 1% YoY และ 25% QoQ
เราคาดว่ากำไรสุทธิของ PTTEP ใน 3Q67F จะอยู่ที่ 1.80 หมื่นล้านบาท (-1% YoY, -25% QoQ) โดยกำไร
ที่ลดลงเล็กน้อย YoY จะเป็นเพราะราคาขายเฉลี่ย (ASP) ลดลงตามราคาน้ำมันดิบดูไบที่ลดลง 10% YoY
เหลือ US$78/bbl ใน 3Q67 ส่วนกำไรที่ลดลงอย่างมาก QoQ จะเป็นเพราะ i) ปริมาณยอดขายลดลงและ ii)
ต้นทุนต่อหน่วยสูงขึ้น โดยเราคาดว่าปริมาณยอดขายของ PTTEP จะลดลง 4% QoQ เหลือ 486 KBOED
เนื่องจาก i) ผลผลิตก๊าซลดลงเพราะมีการปิดซ่อมบำรุงตามแผนที่แหล่งเอราวัณ, บงกช, อาทิตย์ และ
ไพลิน และ ii) crude load จากโครงการ Algeria HBR ลดลง
นอกจากนี้ เรายังคาดว่าต้นทุนต่อหน่วยของบริษัทจะเพิ่มขึ้น 9% QoQ เป็น US$30.8/BOE เนื่องจาก i) ต้นทุนเพิ่มขึ้นจากการซ่อมบำรุงสี่โครงการในอ่าวไทย, ii) ปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นจากโครงการ Sabah K และ SK309 ในมาเลเซีย ซึ่งมีต้นทุนสูง และ iii) ไม่มีการกลับรายการค่าใช้จ่าย seismic เหมือนกับใน 2Q67 แต่อย่างไรก็ตาม เราคาดว่า ASP ของ PTTEP จะขยับเพิ่มขึ้น 1% QoQ เป็น US$47.4/BOE เพราะคาดราคาขายก๊าซจะเพิ่มขึ้น 2% QoQ เป็น US$5.9/mmbtu และสัดส่วนปริมาณยอดขายน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น QoQ จาก 26% เป็น 28% แม้ว่าราคาขายผลิตภัณฑ์ที่เป็นของเหลวจะลดลง 4% QoQ เหลือ US$78.3/bbl ตามราคาน้ำมันดิบดูไบที่ลดลง QoQ ใน3Q67 ทั้งนี้ในส่วนของรายการพิเศษ เราคาดว่า PTTEP จะบันทึกผลขาดทุน 25 ล้านดอลลาร์ฯ จากการขายสินทรัพย์เกี่ยวกับการสำรวจปิโตรเลียมในเม็กซิโก
Valuation & Action
เราขยับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2568F ที่ 164.00 บาท ลดลงจากเดิมที่ 169.00 บาท ซึ่งคำนวณโดยวิธี DCF
ใช้ WACC ที่ 8.8% และ terminal growth ที่ 1.0% เพื่อสะท้อนถึงแนวโน้มราคาน้ำมันดิบดูไบที่ลดลง โดย
เราใช้สมมติฐานปีนี้ที่ US$81/bbl และปีหน้าที่ US$75/bbl แต่อย่างไรก็ตาม เราปรับเพิ่มคำแนะนำจากถือ
เป็นซื้อ เพราะมองว่าราคาหุ้น PTTEP มี upside น่าสนใจที่ 20% ถึงราคาเป้าหมายใหม่ของเรา หลังจากที่
ราคาหุ้นร่วงลงมาจากเดือนสิงหาคมถึงตุลาคม ในขณะที่เราแนะนำให้นักลงทุนติดตามสถานการณ์ความ
ตึงเครียดระหว่างอิสราเอล-อิหร่านอย่างใกล้ชิด ซึ่งอาจเป็นประเด็นที่ช่วยหนุนราคาน้ำมันดิบ
Risks
ความผันผวนของราคาน้ำมันดิบและก๊าซ