วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ BDMS ประมาณการ 3Q67F: คาดว่ากำไรจะทำสถิติสูงสุดใหม่
เราคาดว่ากำไรสุทธิของ BDMS จะทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 4.31 พันล้านบาท (+10.8% YoY, +29.2% QoQ) ใน 3Q67F โดยไม่มีรายการพิเศษ ซึ่งตามประมาณการของเรา กำไรสุทธิใน 3Q67F และ 9M67F จะคิดเป็น 27.3% และ 74.2% ของประมาณการกำไรเต็มปีของเราที่ 1.58 หมื่นล้านบาท (+9.8% YoY)
ซึ่งเราคาดว่า BDMS จะได้โมเมนตัมเชิงบวกจาก i) จำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นจากการให้บริการรักษาพยาบาลที่
เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล ii) intensity ที่สูงขึ้นจากผู้ป่วยที่ sophisticate มากขึ้นทั้งผู้ป่วยชาวไทยและต่างชาติ
และ iii) การบริหารจัดการค่าใช้จ่ายได้ดี ทำให้สัดส่วน SG&A/ยอดขายอยู่ที่ 19.2% (จาก 20.0% ใน 3Q66
และ 20.8% ใน 2Q67) โดยสรุปแล้ว ผลการดำเนินงานโดยรวมจะถูกขับเคลื่อนโดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นเป็น
2.75 หมื่นล้านบาท (+8.0% YoY) จากจำนวนผู้ป่วยที่มาใช้บริการของโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นทั้งในส่วนของ
ผู้ป่วยชาวไทยและต่างชาติ (ตะวันออกกลาง, จีน และยุโรป) โดยในส่วนของผู้ป่วยชาวไทย ได้แรงหนุนจากการที่มีการเกิดโรคมากขึ้นหลังเข้าหน้าฝน ทั้งนี้ การที่ขาดผู้ป่วยชาวคูเวตไปไม่ได้กระทบกับ BDMS อย่างมีนัยสำคัญ เพราะรายได้จากผู้ป่วยกลุ่มนี้คิดเป็นเพียงประมาณ 0.7% ของรายได้รวมในสถานการณ์ปกติเท่านั้น นอกจากนี้ เรายังคาดว่าโครงสร้างผู้ป่วยของ BDMS จะยังคงเหมือนเดิม YoY (ผู้ป่วยไทย 73% และ ต่างชาติ 27%) โดยคาดว่ารายได้ของบริษัทจะอยู่ที่ 2.75 หมื่นล้านบาท (+8.0% YoY, +11.4%QoQ) ในขณะที่คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ 34.6% ใน 3Q67F (จาก 35.3% ใน 3Q66 และ 32.5% ใน 2Q67) ซึ่งอัตรากำไรที่อ่อนลง YoY คาดว่าเป็นผลจากผู้ป่วยโรคยากไม่มากนักในช่วงต้นไตรมาส ขณะที่อัตรากำไรแข็งแกร่งขึ้น QoQ จากผลบวกทางด้านปัจจัยฤดูกาล
แนวโน้มในระยะยาวยังเป็นบวกเหมือนเดิม
ในปัจจุบัน BDMS เป็นโรงพยาบาลเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยมีโรงพยาบาลในเครือมากถึง 58 แห่ง สามารถตอบสนองอุปสงค์ผู้ป่วยทั้งกลุ่มที่มีรายได้ต่ำไปจนถึงสูงจากแบรนด์ที่หลากหลาย เราคาดว่ารายได้จากธุรกิจหลักของบริษัทในปี 2567F จะทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ > 1 แสนล้านบาท และเมื่อพิจารณาจากแนวโน้มผลประกอบการงวด 9M67F เราคิดว่ากำไรทั้งปีน่าจะเป็นไปตามคาด ดังนั้น เราจึงยังคงประมาณการกำไรสุทธิเอาไว้เท่าเดิมที่ 1.58 หมื่นล้านบาท (+9.8% YoY) ในปี 2567F และ 1.69 หมื่นล้านบาท (+7.5% YoY) ในปี 2568F
Valuation & Action
เรายังคงคำแนะนำซื้อ และขยับไปใช้ราคาเป้าหมาย DCF ปี 2568F ที่ 39.00 บาท (ใช้ WACC ที่ 8.0% และ
TG ที่ 3.0%) จากเดิมที่ 37.50 บาท (อิงจากประมาณการปี 2567F)
Risks
เกิดโรคระบาด, ปัญหาเสถียรภาพทางการเมืองไทยรอบใหม่ และ เกิดเหตุก่อการร้ายครั้งใหญ่
