วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก พักฐาน

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก พักฐาน

วันอังคารที่ผ่านมา ดัชนีเคลื่อนไหว Sideway ในระหว่างวัน ดัชนีปรับลงในแดนลบช่วงท้ายตลาด มีแรงซื้อมากในหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ นำโดย DELTA ส่งผลต่อดัชนีราว +5 จุด ได้รับ Sentiment เชิงบวกจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสหรัฐปรับตัวขึ้น

อย่างไรก็ตามดัชนีถูกกดดันจากแรงขายในหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงแรง ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมกนง. ครั้งที่ 5/2567 ในวันพุธนี้ ส่งผลให้ SET Index ปิดตลาดที่ 1,465.03 จุด -5.07 จุด -0.34% มูลค่าการซื้อขาย 64,671 ลบ.Program Trading -3,151.09 ลบ. ต่างชาติ -2,355.32 ลบ. TFEX -2,866 สัญญา ตราสารหนี้ +2,288.65 ลบ.

ปัจจัยบวก    

+ FedWatch ของ CME บ่งชี้ว่า บรรดาเทรดเดอร์คาดว่า มีโอกาสราว 98% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในเดือนพ.ย.
+ ผลสำรวจผู้จัดการกองทุนบ่งชี้ว่าความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั่วโลกในเดือนต.ค.ปีนี้เพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2563 เนื่องจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของFED รวมถึงการคาดการณ์เกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากจีนและแนวโน้มการชะลอตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป (soft landing) ของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
+ ครม.อนุมัติมาตรการช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในการลดภาษีและปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำ
+ นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมและกระทรวงการคลังร่วมกันศึกษาแนวทางการดำเนินมาตรการอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ตามนโยบายรัฐบาล
+ นายกรัฐมนตรีสั่งการให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจัดทำแคมเปญไทยแลนด์ มิวสิกดึงคอนเสิร์ตขนาดใหญ่มาจัดในไทยแบบเอ็กคลูซีฟซึ่งรัฐบาลจะสนับสนุนต่อเนื่องตั้งแต่ปีงบประมาณ 68 ไปจนถึงปีงบประมาณ 69 โดยเฉพาะปี 68 เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้ามาในไทย
+ โครงการแอ่วเหนือคนละครึ่ง ขณะนี้ททท. กำลังรวบรวมสินค้าด้านการท่องเที่ยวรวมถึงแพคเกจต่างๆ เพื่อลงแอพพลิเคชั่นเบส (appreciation base) ของททท. เพื่อให้ร้านค้า โรงแรม ที่พัก เข้าร่วมโครงการได้ผ่านแอพโดยรัฐบาลจะให้เงินสนับสนุน 400 บาทต่อคนต่อทริป

ปัจจัยลบ

 

 

- ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 324.80 จุด หรือ -0.75% ถูกกดดันจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ดิ่งลง 3% ตามราคาน้ำมัน และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 1% เนื่องจากหุ้นชิปปรับตัวลงจากความวิตกด้านอุปสงค์
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 3.25 ดอลลาร์ หรือ -4.40% ปิดที่ 70.58 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังสื่อรายงานว่าอิสราเอลไม่มีแผนโจมตีแหล่งน้ำมันของอิหร่านแต่อย่างใดซึ่งคลายความกังวลที่ว่าอาจเกิดภาวะอุปทานชะงักงันครั้งใหญ่ในตะวันออกกลาง
- ไต้หวันรายงานว่าตรวจพบเครื่องบินรบจีนมากถึง 153 ลำในการซ้อมรบรอบเกาะไต้หวัน ซึ่งถือเป็นจำนวนสูงสุดเป็นประวัติการณ์
- สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงฟิลิปปินส์ เวียดนาม ไทย และสิงคโปร์ ยังอาจต้องเผชิญกับฝนที่ตกหนักกว่าปกติในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภาคการเกษตร ท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมในภูมิภาคที่เพิ่งโดนพายุถล่มหนักไปหลายลูกแล้วในปีนี้
- IMF เปิดเผยว่า หนี้สาธารณะทั่วโลกกำลังจะทะลุ 100 ล้านล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรกในปีนี้ และอาจพุ่งสูงขึ้นเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากกระแสการเมืองที่สนับสนุนการใช้จ่ายของภาครัฐมากขึ้น ประกอบกับเศรษฐกิจที่ฝืดเคือง ส่งผลให้รัฐบาลต้องกู้ยืมมากขึ้นและแบกรับต้นทุนที่สูง

แนวโน้มตลาดวันนี้  

คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสปรับตัวลงตามทิศทางตลาดต่างประเทศ โดยมีแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวลงแรงต่อเนื่อง กดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน ขณะที่ปัจจัยในประเทศนักลงทุนจับตาการประชุม กนง. วันนี้ เพื่อรอดูทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบาย มองกรอบดัชนี 1,455-1,470 จุด

 

 

 

กลยุทธ์การลงทุน

• หุ้นได้ประโยชน์จากการซ่อมแซมหลังน้ำลด : TASCO DOHOME GLOBAL HMPRO DCC DRT TOA DPAINT
• สินค้าส่งออกเดือนส.ค.ที่ยังเติบโต : ITC AAI STA NER TEGH GFPT FM
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากแผนลงทุน Data Center : WHA ADVANC GULF TRUE INSET
• กกพ. เปิดประมูลพลังงานทดแทนรวม 2,180 MW (ลม 600 MW และแสงอาทิตย์ 1,580 MW) : GUNKUL SSP GULF BGRIM GPSC

หุ้นรายงานพิเศษ  

MASTER  - "ซื้อ" (ราคาเหมาะสม 53.00 บาท)
"ช่วงที่เหลือของปีมีแนวโน้มขยายตัว QoQ และ YoY ทุกไตรมาส

 

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก พักฐาน

คาดผลประกอบการ 2H67 ยังขยายตัวได้ดี เนื่องจากธุรกิจจะเริ่มเข้าสู่ High Season ในช่วงไตรมาส 3 ขณะที่ทิศทางของลูกค้าต่างชาติเติบโตดีต่อเนื่อง ปัจจุบันมีสัดส่วนของลูกค้าต่างชาติอยู่ที่ระดับ 24% โดยเป็นกลุ่มลูกค้าจากประเทศจีนและอินโดนีเซีย ซึ่งรายได้จากลูกค้าต่างชาติเป็นหนึ่งใน Key growth ในระยะยาว โดยบริษัทคาดว่าสัดส่วนรายได้ต่างประเทศจะเพิ่มเป็น 25-30% ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า เราคงประมาณรายได้และกำไรปีสุทธิปี 67 เท่ากับ 2,200 ล้านบาท และ 468 ล้านบาท เติบโต +15%YoY และ +12%YoY ตามลำดับ

- ผลประกอบการช่วงที่เหลือของปีมีแนวโน้มขยายตัว QoQ และ YoY ทุกไตรมาส โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต +20%YoY และคาดสัดส่วนกำไรจากบริษัทร่วม (equity income) ปี 67 ที่ 10-15% ของกำไรสุทธิคงคำแนะนำ “ซื้อ”

หุ้นมีข่าว

(+) MAJOR (Bloomberg Consensus 18.50 บาท) เผย "ธี่หยด 2" ฉาย 4 วัน กวาดรายได้แล้ว 350 ล้านบาท สร้างกระแสแห่จองเหมาโรง เดินหน้าส่ง "วัยเป้ง" ที่ร่วมผลิตกับเวิร์คพอยท์และหนังต่างประเทศ Venom อีกทั้งยังมีภาพยนตร์แม่เหล็กอีกหลายเรื่องทยอยฉายต่อเนื่องตลอดโค้งสุดท้าย ด้านการจองเหมาโรงภาพยนตร์ ลานโบว์ลิ่ง จัดงานอีเวนต์ฟื้นต่อเนื่อง เช่นเดียวกับป๊อบคอร์นที่ยอดขายเติบโตทุกไตรมาส (ที่มา ทันหุ้น)

(+) FM (Bloomberg Consensus 8.07 บาท) ประกาศปรับเป้ารายได้เพิ่ม 25-30% หลังแนวโน้มออเดอร์ยังเข้าต่อเนื่อง ล่าสุดเจาะไข่ตลาด UAE ได้ออเดอร์เข้า Q4 พร้อมรุกฟิลิปปินส์ต่อ ดันรายได้ดีดปีหน้า ด้านตลาดยุโรป จีน ญี่ปุ่นแกร่ง เตรียมเพิ่มกำลังผลิตเป็น 1.3 แสนตันต่อวัน ไตรมาส 4 มั่นใจอัตรากำไรสุทธิเกิน 10% วัตถุดิบราคาต่ำยาว แจงค่าเงินกระทบไม่มาก (ที่มา ทันหุ้น)

(+) VRANDA (Bloomberg Consensus 8.64 บาท) กวาดยอดขายโครงการ “วีรันดา วิลล่า แอนด์ สวีท ภูเก็ต” แล้ว 598 ล้านบาท ขณะที่เตรียมเปิดโรงแรมแห่งใหม่ในภูเก็ต “วีรันดา รีสอร์ท ภูเก็ต-ออโต้กราฟ คอลเลกชัน” และส่วนต่อขยายรีสอร์ทที่สมุย “วีรันดา คอลเลกชัน สมุย-ร็อคกี้ รีสอร์ท” ช่วงเดือน ธ.ค.นี้ รับนักท่องเที่ยวช่วงไฮซีซั่น (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) PTG (Bloomberg Consensus 10.40 บาท) มั่นใจรายได้ปีนี้โตตามเป้า 12-15% แม้ไตรมาส 3 โลว์ซีซั่น แต่ยอดขายยังเติบโต ขณะที่ไตรมาส 4 ดีมานด์น้ำมันพุ่งสูง ลั่นสิ้นปีนี้ขยายปั๊มครบ 2,250 แห่ง และร้านกาแฟพันธุ์ไทยเป็น 1,300-1,400 สาขา ส่วนปี 68 วางงบลงทุน 6-7 พันล้านบาท ตั้งเป้ารายได้โตไม่ต่ำ 10% พร้อมดัน ATLAS เข้าตลาดหุ้นไตรมาส 1/68 (ที่มา ข่าวหุ้น)