วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.กรุงศรี GULF - ปลดปล่อยศักยภาพที่แท้จริง

โดยคาด ROE จะยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 7-9% ในปี 2025-2026F (หลังการรวมกิจการ) และคาดว่ากำไรจะเติบโตเฉลี่ย 12% ต่อปี CAGR 2024-26 ได้รับแรงหนุนจากโครงการใหม่ นอกจากนี้การรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการถือหุ้น 40.44% ใน ADVANC จะเพิ่มการเติบโตของกำไร CAGR สูงถึง 17% เรามอง GULF จะได้รับการ re-rate หลังให้ synergies เต็มที่

คาดกำไรเติบโตต่อปีที่ 12% (2-year 2024-26F CAGR)

เราคาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโต 19% ในปี FY24F, 13% ในปี FY25F, และ 11% ในปี FY26F โดยได้รับแรงหนุนหลักจากโครงการพลังงานใหม่ๆ อัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นจากต้นทุนเชื้อเพลิงที่ลดลง และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนที่เพิ่มขึ้นหลักๆ จาก INTUCH และอื่นๆ การวิเคราะห์ sensitivity analysis ของเราแสดงให้เห็นว่าการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการถือหุ้น 40.4% ใน ADVANC จะสามารถเพิ่มรายได้ในปี FY25F ได้ 10% และรายได้ในปี FY26F ได้ 9% ส่งผลให้มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีเป็น 17%

หากนำเงินลงทุน 3 แสนล้านบาทจะเพิ่ม CAGR ของกำไรสุทธิที่ 44-54%

จากการเติบโตที่แข็งแกร่งเมื่อขยายการลงทุนในพลังงานหมุนเวียน และจากการที่อัตราส่วนหนี้สินดอกเบี้ยต่อทุน (IBDE) จะลดลงเหลือ 0.7-0.8x ในปี 2025F (หลังการรวมกิจการ) ซึ่งหมายความว่าบริษัทสามารถก่อหนี้ได้ประมาณ 3 แสนล้าน เราคาดว่าจำนวนเงินนี้จะถูกลงทุนในพลังงานหมุนเวียนซึ่งจะเริ่มดำเนินการในปี 2026 และจะสร้างรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ Bt1-1.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะเท่ากับมูลค่าหุ้นตามกระแสเงินสดส่วนลด (DCF) ที่ประมาณ 11-18 บาทต่อหุ้น ซึ่งจะนำไปสู่การเติบโตเฉลี่ยต่อปี (2-Year 2024-2026F CAGR) ที่ระดับ 44-54%

 

 

ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 56.75 บาท (pre-synergies) จากวิธี SOTP (2025F)

เราประเมินมูลค่าธุรกิจพลังงานของ GULF ที่ 27.5 บาทต่อหุ้น (DCF สมมติฐาน Beta 1.2, Rf 2.5%, market risk premium 8%) ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานมีมูลค่าที่ 3.5 บาทต่อหุ้น ขณะที่ธุรกิจ ICT (ถือหุ้น 40.44% ใน ADVANC, ถือหุ้น 41.14% ใน THCOM) จะมีมูลค่า 24.5 บาทต่อหุ้น ส่วนอื่น ๆ มีมูลค่าที่ 1.5 บาทต่อหุ้น หลังจากรวมมูลค่าเหล่านี้และปรับสำหรับเงินสดและหนี้สุทธิ โดยมีราคาเป้าหมายที่ 56.75 บาท