วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ CHG ประมาณการ 3Q67F: คาดว่าผลประกอบการจะแข็งแกร่ง
เราคาดว่าผลการดำเนินงานของ CHG ใน 3Q67F จะแข็งแกร่ง โดยมีกำไรสุทธิ 400 ล้านบาท (+22.9%YoY, +108.3% QoQ) คิดเป็น 34.1% ของประมาณการกำไรเต็มปีของเราที่ 1.17 พันล้านบาท
ซึ่งหากผลประกอบการเป็นไปตามคาด กำไรสุทธิในงวด 9M67F จะอยู่ที่ 857 ล้านบาท คิดเป็น 81.9% ของประมาณการกำไรเต็มปีของเรา
i) คาดว่ากำไรใน 3Q67F จะแข็งแกร่งที่สุดในรอบปีนี้ เราคาดว่ารายได้จะอยู่ที่ 2.47 พันล้านบาท (+18.0%
YoY, +24.4% QoQ) ในขณะที่คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ เป็น 29.5% (จาก
29.0% ใน 3Q66 และ 21.5% ใน 2Q67) โดย margin ที่เพิ่มขึ้นจะเป็นเพราะ i) ผลบวกจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น
หลังจากที่ประเทศไทยเปลี่ยนฤดูกาลเข้าสู่หน้าฝน ii) มีผู้ป่วยที่มี intensity สูงขึ้นมาใช้บริการของโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น และ iii) คาดว่าจะรับรู้รายได้ 90 ล้านบาทจากการรับชำระค่าบริการรักษาโรคเรื้อรังส่วนที่เหลือของปี 2566 จาก SSO (โดยไม่มีต้นทุนเพิ่ม) นอกจากนี้ บริษัทยังจะได้อานิสงส์จากสัดส่วน SG&A/ยอดขายที่ลดลงเนื่องจาก i) รายได้เพิ่มขึ้น และ ii) สามารถในการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายได้ดี เรามองว่าผลการดำเนินงานโดยรวมของ CHG จะสะท้อนภาพการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องใน 2H67F โดยคาดว่ากำไรสุทธิใน 3Q67F จะแข็งแกร่งที่สุดในรอบปีนี้ นอกจากนี้ เรายังคาดว่าบริษัทจะไม่ถูกกระทบจากประเด็นการปรับลดอัตราการจ่าย RW>2 ลงเหลือ 7,200 บาท/RW (จากอัตราประกันที่ 12,000 บาท) อีกใน 3Q67F (หลังจากที่ถูกกระทบไปแล้วใน 2Q67)
ii) จะมีรายได้จากค่ารักษาโรคเรื้อรังจาก SSO เพิ่มอีกใน 3Q67F CHG จะมีรายได้เพิ่มจากการรักษาโรค
เรื้อรังเมื่อปี 2566 (30% ของรายได้จากกลุ่มนี้) เพราะยอดจ่ายจริงน่าจะสูงกว่ารายได้ค้างรับที่ตั้งเอาไว้
iii) ไม่ได้รับผลกระทบจากการที่ผู้ป่วยชาวคูเวตหายไป CHG จะไม่ได้รับผลกระทบจากการที่ผู้ป่วยชาว
คูเวตหายไป เพราะรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติคิดเป็นเพียง 4% ของรายได้รวมใน 1H67 โดยรายได้จาก
ผู้ป่วยชาวคูเวตคิดเป็นสัดส่วนที่ต่ำมาก (<0.1% ของรายได้รวม)
คงประมาณการกำไรปี 2567F และ 2568F เอาไว้เท่าเดิม
ผู้บริหารยังคงเป้าอัตราการเติบโตของรายได้เอาไว้เท่าเดิมที่ 15% YoY โดยยังคงมองแนวโน้มในครึ่งหลังของปีนี้เป็นบวก ดังนั้น เราจึงยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 25667F เอาไว้ที่ 1.17 พันล้านบาท (+12.2% YoY) และปี 2568F เอาไว้ที่ 1.38 พันล้านบาท (+17.3% YoY)
Valuation & Action
เรายังคงคำแนะนำซื้อ และขยับไปใช้ราคาเป้าหมาย DCF สิ้นปี 2568 ที่ 3.62 บาท (ใช้ WACC 7.9% และ
TG ที่ 3.0%) จากเดิมที่ 3.50 บาท (อิงปี 2567F)
Risks
COVID-19 ระบาด, เศรษฐกิจชะลอตัวลง, เกิดปัญหาเสถียรภาพทางการเมืองไทยรอบใหม่