วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ เลือกรายตัว ติดตามผลประกอบการไตรมาส 3/67
คาดตลาดหุ้นไทยอาจแกว่งข้างในระยะสั้น แต่เก็งกำไรได้ตามผลประกอบการ หลังปรับขึ้นมากว่า 200 จุด คาด catalyst ใหม่ที่ช่วยหนุน เราจึงแนะนำให้ใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบเน้นลงทุนเป็นรายกลุ่มเป็นหลัก
อาทิกลุ่มที่มีผลประกอบการดี, กลุ่มท่องเที่ยว และกลุ่มโรงไฟฟ้า สำหรับกลุ่มท่องเที่ยว แนะให้ติดตามการรายงานจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติรายสัปดาห์ในวันอังคารนี้ เราคาดตัวเลขอาจยังอ่อนแอ แต่มองเป็นจังหวะในการลงทุนเมื่อราคาหุ้นลดลง เนื่องจากกำลังเข้าสู่ high season ในเดือน พ.ย. และ ธ.ค.
ภาพรวมการรายงานผลประกอบการบจ.ไทยอยู่ในทิศทางที่ดี ได้แก่ 1) KTC รายงานกำไร 3Q24 เพิ่มขึ้น 3% yoy, +5% qoq ทิศทางที่ดี คือเห็นการปรับลดลงของทั้ง credit cost และ NPL เราคงคำแนะนำ “ซื้อ”, 2) TTB รายงานกำไรสุทธิ เพิ่มขึ้น 11% yoy, -2% qoq โดยบริษัทมุ่งเน้นที่คุณภาพสินทรัพย์ และการชำระคืนเงินกู้ เรามอง TTB เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้ประโยชน์จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย, 3) KKP รายงานกำไรสุทธิใน 3Q24 ที่ 1.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น +2% yoy. +70% qoq สูงกว่าที่เราและตลาดคาด 63% และ 42% ตามลำดับ การเพิ่มขึ้น qoq โดยหลักมาจาก credit cost ที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และธุรกิจหลักทรัพย์ที่ฟื้นตัว หลังตลาดหุ้นไทยกลับมาคึกคักอีกครั้ง ทำให้ปริมาณการซื้อขายในแต่ละวันเพิ่มสูงขึ้น เราเห็นสัญญาณที่ดีของการรายงานผลประกอบการที่ออกมาในเบื้องต้น เนื่องจากโดยส่วนใหญ่จะใกล้เคียง หรือสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ แนะรอติดตามผลประกอบการของกลุ่มธนาคารใหญ่ที่เหลืออย่าง SCB ที่คาดจะรายงานผลประกอบการในวันนี้ (21 ต.ค.)
การปรับขึ้นมาในโซน 1,500-1,535 จุด เป็นระดับที่มีความเสี่ยงต่อแรงทำกำไร ตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นกว่า 200 จุดในช่วง 2.5 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าดีกว่าที่ตลาดและนักลงทุนส่วนใหญ่คาด อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นของหุ้นขนาดใหญ่จำนวนมากในระดับ 30%-50% ทำให้อาจต้องเริ่มระวังความผันผวนจากแรงทำกำไรที่จะตามมา การเก็งกำไรเน้นหุ้นที่ยัง Laggards หรือมีปัจจัยผลักดัน
ภาพรวมกลยุทธ์ “กรอบการเก็งกำไรยกขึ้นเป็น 1,460-1,535 จุด เลือกเก็งกำไรรายตัว สะสมหุ้นที่เข้าสู่ช่วง high season อย่างท่องเที่ยว การแพทย์ อาหารสัตว์เลี้ยงเราชอบ AOT, ERW, CENTEL, SPA, VRANDA, BCH, BDMS, ITC //หุ้นได้แประโยชน์ Data center: WHA, INSET, ITEL, MFEC, AIT, ICN, LTS // หุ้นต่ำมูลค่าทางบัญชี FLOYD, IND, BC
แนวรับ: 1,486 / แนวต้าน : 1,500-1,515 จุด
สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%
หุ้นแนะนำ (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)
• BGRIM* (30) : คาดกำไรสุทธิ 3Q24 จะฟื้นตัวอย่างมีนัย และมองเป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยขาลง ตัดขาดทุน 23.50 บาท
• HMPRO* (12.1) : คาดยอดสาขาเดิมจะสามารถเติบโตได้ใน 2H24 จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ และผลบวกหลังสถานการณ์น้ำท่วม ตัดขาดทุน 10.40 บาท
• TTB* (2.16) : กำไรสุทธิ 3Q24 ออกมาสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาด และเป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ตัดขาดทุน 1.80 บาท
• CKP* (4.50) : ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/67 คาดได้แรงหนุนจากปริมาณน้ำที่มากเป็นพิเศษ ตัดขาดทุน 3.66 บาท
ประเด็นที่น่าสนใจ
- ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปรับเกณฑ์ใหม่ ลงโทษหนักโบรกเกอร์ พบทำ Naked Short ปรับ 3 เท่าของกำไร เริ่มใช้ 1 พ.ย.นี้
- จุลพันธ์ ยัน “ดิจิทัลวอลเล็ต” เฟส 2 มาแน่ รับเต็ม 1 หมื่นบาท
- กลุ่มไม่มีสมาร์ทโฟนเตรียมลงทะเบียนใน พ.ย. 67
- ดัชนีความเชื่อมั่นอสังหา Q3/67 ลดลง 4.6 จุด ต่ำค่ากลาง 7 ไตรมาสติด
- KTC กำไร 9 เดือน 5,549 ล้านบาท มาตรการแก้หนี้เรื้อรัง กระทบต่อรายได้ดอกเบี้ยจริงที่ 1.7%
- MAGURO มัดรวม 3 ร้านเรือธงปั้น The Flavorhood
- KKP แนะนำ “ถือ” เป้า 54 บาท/ KTC แนะนำ “ซื้อ” เป้า 60 บาท/ TTB แนะนำ “ซื้อ” เป้า 2.16 บา/ TU แนะนำ “ซื้อ” เป้า 18 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
21 ต.ค. – ผลประกอบการ KBANK,KTB,SCB