วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก ผันผวน

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก ผันผวน

วันศุกร์ที่ผ่านมาดัชนีเคลื่อนไหว Sideway โดยตลาดยังขาดปัจจัยหนุนใหม่มากระทบ นักลงทุนยังคงจับตาการประกาศงบบริษัทจดทะเบียน มีแรงขายกดดันในหุ้นกลุ่มพลังงาน จากราคาน้ำมันดิบ WTI อ่อนตัวลง

ขณะที่มีแรงซื้อในหุ้น DELTA ช่วยพยุงดัชนี ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,463.42 จุด +2.78 จุด +0.19% มูลค่าการซื้อขาย 41,293.39 ลบ. (สัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนี -31.60 จุด -2.11%) Program Trading +214.40 ลบ. ต่างชาติ -39.09 ลบ. TFEX -1,434 สัญญา ตราสารหนี +657.82 ลบ.

ปัจจัยบวก  

+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ น 1.59 ดอลลาร์ หรือ -2.27% ปิดที่ 71.78 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่นักลงทุนประเมินสถานการณ์ความขัดแย้งที่กำลังดำาเนินอยู่ในตะวันออกกลาง รวมถึงการเลือกตั้งในสหรัฐฯ ที่จะมีขึ้นในเดือนหน้า
+ จีนและอินเดียเริ่มถอนกำลังทหารออกจากจุดขัดแย้งสองจุดที่เหลืออยู่ตามแนวพรมแดนเทือกเขาหิมาลัยแล้ว หลังจากที่ผู้นำของทั้งสองประเทศพบปะกันเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้
+ สบน. เปิดเผยว่าระดับหนี้สาธารณะของรัฐบาลยังไม่น่าห่วงเมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศที่มีอันดับเครดิตเรตติ้งเท่ากับประเทศไทย โดยปัจจุบันหนี้สาธารณะอยู่ที่ 64.02% ต่อ GDP มูลค่า 11.7 ล้านล้านบาท ยังไม่เกินกรอบที่กำหนดไว้ว่าไม่เกิน 70% ของ GDP
+ นายกฯ นัดหารือ กกร.พรุ่งนี้รับฟัง 4 ข้อเสนอร่วมกำหนดทิศทางขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

ปัจจัยลบ 

- ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 259.96 จุด หรือ -0.61% แต่ดัชนี Nasdaq ปิดบวก โดยได้แรงหนุนจากหุ้นขนาดใหญ่ ขณะที่นักลงทุนรอการเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสจากบริษัทรายใหญ่ที่สุดหลายแห่งในสัปดาห์หน้า
- ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียไม่ได้ปฏิเสธคำกล่าวอ้างของสหรัฐฯ ที่ว่าเกาหลีเหนือส่งทหารไปยังรัสเซีย โดยกล่าวเพียงว่ารัสเซียมีสิทธิดำเนินการตามข้อตกลงการป้องกันร่วมกันกับเกาหลีเหนือ พร้อมกับกล่าวหาชาติตะวันตกว่าทำให้สงครามยูเครนทวีความรุนแรงขึ้น
- รัฐบาลจีนกำลังกดดันให้บริษัทรถยนต์ของจีนหยุดขยายธุรกิจในสหภาพยุโรป (EU) เนื่องจากความขัดแย้งด้านการค้ารถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น
 

- กองทัพอิสราเอลโจมตีเป้าหมายทางทหารในอิหร่านเพื่อตอบโต้อิหร่านที่โจมตีอิสราเอลอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยหลีกเลี่ยงการโจมตีแหล่งผลิตน้ำมันรวมทั้งโครงสร้างพื้นฐานด้านนิวเคลียร์และพลังงานของอิหร่านตามคำเรียกร้องของคณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ
- จีนเปิดเผยว่า กำไรของบริษัทในภาคอุตสาหกรรมร่วง 27.1% ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการดิ่งลงรุนแรงที่สุดในปีนี้ หลังจากที่ปรับตัวลง 17.8% ในเดือนส.ค.
-พรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) พร้อมพรรคร่วมรัฐบาลญี่ปุ่นแพ้ศึกเลือกตั้งฝ่ายรัฐบาลได้ที่นั่งในสภาเพียง 215 จากทั้งหมด 465 ที่นั่ง ลดลงอย่างมากจากเดิมที่เคยมี 288 ที่นั่งสะท้อนให้เห็นว่าประชาชนไม่ไว้วางใจพรรค LDP มากขึ้นเรื่อย ๆ
- ตลท.สรุปมูลค่าซื้อขายหลักทรัพย์สะสมตามกลุ่มนักลงทุนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม- 25 ตุลาคม 2567 พบว่า นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 116,534.38 ล้านบาทขณะที่นักลงทุนอีก 3 กลุ่มซื้อสุทธิ สถาบันในประเทศซื้ อสุทธิ 32,962.70 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 75.53 ล้านบาท และนักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 83,496.15 ล้านบาท

แนวโน้มตลาดวันนี้  

คาดดัชนีในวันนี้ ยังแกว่งตัวผันผวนระหว่างวัน โดยนักลงทุนยังติดตามการเลือกตั้งสหรัฐในวันที่ 5 พ.ย. ประกอบกับติดตามการประกาศงบของบริษัทจดทะเบียนอย่างใกล้ชิด มองกรอบดัชนี 1,455-1,470 จุด

กลยุทธ์การลงทุน   

• หุ้นได้ประโยชน์จากการซ่อมแซมหลังน้ำลด : TASCO DOHOME GLOBAL HMPRO DCC DRT TOA DPAINT
• สินค้าส่งออกเดือนส.ค.ที่ยังเติบโต : ITC AAI STA NER TEGH GFPT FM
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากแผนลงทุน Data Center : WHA ADVANC GULF TRUE INSET
• กกพ. เปิดประมูลพลังงานทดแทนรวม 2,180 MW (ลม 600 MW และแสงอาทิตย์ 1,580 MW) : GUNKUL SSP GULF BGRIM GPSC
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก กนง. ลดดอกเบี้ย : SAWAD TIDLOR GULF GPSC BGRIM SIRI SC SPALI

 

 

หุ้นรายงานพิเศษ  

VIH - "ซื้อ" Bloomberg Consensus 15 บาท Upside 47๔
"มุมมองบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการ 2H67"

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก ผันผวน

งวด 2Q67 มีกำไร 77 ลบ. +29%YoY +8%QoQ โดยมีรายได้จากกิจการโรงพยาบาล 679 ลบ. +8%YoY +2%QoQ เติบโตต่อเนื่องแม้จะเป็น Low Season โดยหลักมาจากจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น การเติบโตของศูนย์เฉพาะทาง อาทิ ศูนย์อุบัติเหตุ และศูนย์หัวใจ รวมทั้งการเติบโตของการตรวจสุขภาพ ส่วน %EBITDA ปรับดีขึ้นสู่ 21% (2Q66 = 19%, 1Q67 = 20%) จาก Economies of Scale ประกอบกับเน้นการให้บริการที่มีมาร์จิ้นดี ทั้งนี้ 1H67 มีกำไร 150 ลบ. +52%YoY

ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการ 2H67 คาดจะเติบโตตั้งแต่ 3Q67 เป็นต้นไป โดยแม้จะมีการบันทึกการกลับรายการโรคซับซ้อนของประกันสังคม ของช่วงปลายปี 66 (มีผลกระทบใน 3Q67 ราว 10 ลบ.) แต่คาดจะถูกชดเชยจากการ เข้าสู่ช่วง High Season ที่เป็นฤดูฝนที่มาพร้อมกับโรคระบาด อาทิ ไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก และ RSV เป็นต้น ซึ่ง Occ.Rate เร่งขึ้นสู่ระดับ 70-90% จากระดับปกติ
ที่ราว 40% นอกจากนี้ ตั้งแต่ 1 ต.ค. 67 มีการปรับเพิ่มค่าบริการให้สอดคล้องกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นอีกราว 3-7% จะช่วยหนุน ผลประกอบการช่วง 4Q67 ทั้งนี้ Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 67 รำว 340 ลบ. +20%YoY (1H67 คิดเป็น 44%) และ ราคาเหมาะสม 15 บาท Upside 47% นอกจากนี้ ปัจจุบันราคาหุ้นซื้อที่ PE เพียง 18x ถูกกว่ากลุ่ม รพ.ขนาดเล็กที่ราว 20-25x แนะนำ "ซื้อ"

หุ้นมีข่าว

(+) TRUE (Bloomberg Consensus 12.95 บาท) กำไรปกติ 3.1 พันล้านบาท อีบิทดาปรับตัวขึ้น 7 ไตรมาสติดต่อกัน แตะ 2.49 หมื่นล้านบาท รายได้เพิ่มสู่ 4.1 หมื่นล้านบาท ชี้ ARPU เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 5.6% ต้นทุนลดแต่ยังมีด้อยค่า 3,917 ล้านบาท ส่งผลขาดทุนสุทธิหลังหักภาษี 810 ล้านบาท ผู้บริหารมั่นใจปีนี้ อีบิทดาจะเติบโต 12-14% (ที่มา ทันหุ้น)

(+) GFPT (Bloomberg Consensus 15.65 บาท) จับตาค้าสั่งซื้อจากญี่ปุ่นเร่งตัวโค้งสุดท้าย สอดคล้องกับช่วงไฮซีซันท่องเที่ยว ชี้ ไข้หวัดนกมีทั้งปัจจัยบวก และปัจจัยกดดัน ด้านยอดขายไตรมาส 3/2567 มีแนวโน้มเติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน รวมถึงต้นทุนอาหารเลี้ยงสัตว์ที่ยังทรงตัวระดับต่ำ คาด GPM ทั้ปี 2567 เติบโตได้ราว 11.5-12.5% (ที่มา ทันหุ้น)

(+) WICE (Bloomberg Consensus 7.20 บาท) กางแผนปี 2568 มองตลาดจีน-อเมริกา ฟื้นหลังภาครัฐออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ-ลดดอกเบี้ย ดันการนำเข้า-ส่งออกคึก ตั้งเป้ารายได้ปีหน้าโต 20-25% รับรู้รายได้หลังเปิดตลาดใหม่ฟิลิปปินส์ ขนส่งเชื้อเพลิงชีวมวลอัดแท่ง ฯลฯ เล็งขยายตลาดอินโดนีเซีย-เวียดนามเพิ่ม (ที่มา ทันหุ้น)

(+) DELTA (Bloomberg Consensus 109.00 บาท) แจ้งไตรมาส 3/2567 กำไร 5.9 พันล้านบาท ชี้เพาเวอร์อิเล็กทรอนิกส์มาแรง ตามความต้องการดาต้าเซ็นเตอร์ AI แต่กลุ่มอีวียังไม่ฟื้น อัตรากำไรขั้นต้นเติบโตต่อเนื่อง แม้รับผลกระทบบาทแข็งในช่วงไตรมาส 3 เดินหน้าซื้อเครื่องจักรในกลุ่ม 885 ล้านบาท ขยายธุรกิจปั้นโรงงานอัจฉริยะรองรับการเติบโต (ที่มา ทันหุ้น)