วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก พักฐานต่อ
วันพุธที่ผ่านมาดัชนีเคลื่อนไหว Sideway Down เนื่องจาก Fund Flow นักลงทุนต่างชาติไหลออก ประกอบกับราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลง กดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน ขณะที่มีแรงซื้อมากในหุ้น DELTA ช่วยพยุงดัชนี
อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังคงจับตาการประกาศตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 GDP ไตรมาส 3/67 วานนี้ และตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในคืนนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,447.20 จุด -3.96 จุด -0.27% มูลค่าการซื้อขาย 39,584.25 ลบ. Program Trading -3,184.81 ลบ. ต่างชาติ -4,268.61 ลบ. TFEX -16,133 สัญญา ตราสารหนี้ -138.87 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ สัญญาน้ำมันดิบปิดเพิ่มขึ้น 1.40 ดอลลาร์ หรือ 2.08% ปิดที่ 68.61 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีข่าวว่ากลุ่มประเทศโอเปคพลัสอาจชะลอแผนการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันจากที่เคยมีแผนปรับเพิ่มกำลังการผลิต 180,000 บาร์เรล/วันในเดือนธ.ค. และรายงานสต็อกน้ำมันดิบและน้ำมันเบนซินรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ ลดลงเหนือคาด
+ ADP เปิดเผยว่าการจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 233,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. สูงสุดในรอบกว่า 1 ปีและสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 113,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 159,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย.
+ กลุ่มฮามาสประกาศว่ายินดีเปิดรับข้อตกลงหรือแนวคิดใด ๆ ก็ตามที่จะนำไปสู่การหยุดยิงถาวรในฉนวนกาซา
+กระทรวงการคลัง และ ธปท. ต่างเห็นร่วมกันว่ากรอบเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 1-3% ในปัจจุบันเป็นระดับที่เหมาะสม ช่วยให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ตามศักยภาพ และมีการลงทุนเพิ่มขึ้น ธปท.มองว่าอัตราเงินเฟ้อที่ระดับต่ำไม่สร้างปัญหาในเชิงโครงสร้างไม่เป็นอุปสรรคต่อการขยายเศรษฐกิจในระยะยาว
ปัจจัยลบ
- ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 91.51 จุด หรือ -0.22% ส่วนดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนลบเช่นกัน ถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นบริษัทผลิตชิป ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ซึ่งรวมถึงไมโครซอฟท์ (Microsoft) และเมตา แพลตฟอร์มส์ (Meta Platforms)
- สหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 GDP 3Q67 ขยายตัว 2.8% ต่ำกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3% หลังจากขยายตัว 3% ใน 2Q67 และ 1.4% ใน 1Q67
- รัสเซียทดสอบยิงขีปนาวุธระยะทางหลายพันไมล์ เพื่อจำลองการตอบโต้ด้วยนิวเคลียร์ "ครั้งใหญ่" หากถูกศัตรูโจมตีก่อน
- จีนแถลงว่าไม่เห็นด้วยและไม่ยอมรับการเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าของสหภาพยุโรป (EU) ต่อรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ผลิตในจีน หลังจาก EU มีมติเก็บภาษีสูงสุดถึง 45.3% สำหรับรถ EV ที่นำเข้าจากจีน
- คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) แถลงการณ์แสดงความกังวลต่อการตัดสินใจของอิสราเอลในการสั่งแบนการดำเนินงานของสำนักงานบรรเทาทุกข์และการทำงานของสหประชาชาติเพื่อผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ในตะวันออกใกล้ (UNRWA)
- สศอ. เปิดเผยว่าดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนกันยายน 2567 หดตัว 3.51%YoY ดัชนี MPI ในช่วง 3Q67 หดตัว 1.23%YoY อัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 57.47%
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสอ่อนตัวลงตามทิศทาง Fund Flow ที่ไหลออกจากตลาดหุ้นไทย ประกอบกับยังติดตามการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ Rebound คาดช่วยพยุงหุ้นกลุ่มพลังงานมองกรอบดัชนีในวันนี ที่ 1,440-1,455 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• สินค้าส่งออกเดือนก.ย.ที่ยังเติบโต : ITC AAI STA NER TEGH STGT WFX
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากแผนลงทุน Data Center : WHA ADVANC GULF TRUE INSET
• กกพ. เปิดประมูลพลังงานทดแทนรวม 2,180 MW (ลม 600 MW และแสงอาทิตย์ 1,580 MW) : GUNKUL SSP GULF BGRIM GPSC
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก กนง. ลดดอกเบี้ย : TIDLOR GULF GPSC BGRIM SIRI SC SPALI
หุ้นรายงานพิเศษ
BBL - "ซื้อ" (ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 180 บาท)
"9M67 กำไรสุทธิ +6%YoY"
•งวด 9M67 กำไรสุทธิ 34,807 ล้านบาท คิดเป็น 78% ของคาดการณ์กำไร ปี 67 โดย Bloomberg Consensus เฉลี่ยที่ระดับ 44,788 ล้านบาท +8%YoY ทั้งนี้คุณภาพสินทรัพย์อยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ ECL ใน 3Q67 -21%QoQ -9%YoY ขณะที่ %Coverage สูงสุดในกลุ่มที่ระดับ 266.6%
•ความเห็น BBL เป็นหุ้น Top Pick ในกลุ่มธนาคารซึ่งเรามีมุมมองบวก จากการเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่มีฐานลูกค้าเป็นธุรกิจรายใหญ่จึงได้รับผลกระทบน้อยจากกลุ่มเปราะบาง ขณะที่ไตรมาส 4Q67 เป็นช่วงไฮซีซั่นหนุนศักยภาพการปล่อยสินเชื่อเติบโต ราคาหุ้นลดลง 6%YTD ซื้อขาย ที่ระดับ PBV 0.51x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ระดับ 0.66x
หุ้นมีข่าว
(+) CBG (Bloomberg Consensus 85.50 บาท) รับเครื่องดื่มชูกำลังขายดี โดยแชร์เพิ่มสร้าง ออลไทม์ไฮ ต่างประเทศเติบโตดี เมียนมาฟื้นชัด รับเน้นๆ รัฐแจกเงินหมื่นบาท ดันกลุ่มจัดจำหน่าย ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพิ่ม แย้มซีเจมอร์ขายเพิ่ม 20-30% สุราข้าวหอมฮิตสร้างนิวไฮ เดินหน้าขยายช่องทางจัดจำหน่ายเบียร์ ด้านอัตรากำไรดี ชูไตรมาส 4 ดีกว่าไตรมาส 3 น้ำตาลลงส่งผลปีหน้า (ที่มา ทันหุ้น)
(+) RBF (Bloomberg Consensus 7.20 บาท) คาดยอดขายในปีหน้ากลับมาเติบโตราว 10-15% ตามปกติ ชูตลาดต่างประเทศที่เติบโต รวมถึงโรงงานใหม่ที่อินเดียจะเริ่มผลิตในไตรมาส 1/2568 ขณะที่ผลงานครึ่งปีหลังปีนี้ คาดดีกว่าครึ่งปีแรก รับอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐหนุน ด้านโบรกมองลูกค้าใหม่ในต่างประเทศ และโรงงานใหม่ที่อยุธยาช่วยหนุนผลงานปีหน้าโดดเด่น (ที่มา ทันหุ้น)
(+) DOD (Bloomberg Consensus - บาท) ส่งสัญญาณบวก เร่งส่งมอบโปรดักต์ลูกค้ากลุ่มคลินิกเสริมความงาม 5 ราย จ่อปิดดีลลูกค้าใหม่กลุ่มคลินิก-คอสเมติกส์ เพิ่มอีก 2-3 ราย เร็วๆ นี้ พร้อมเดินหน้าลุยต่อยอดธุรกิจฐานการผลิต เร่งขยายยอดขายจากฐานการค้าปลีกแบรนด์ของตัวเอง เชื่อดันรายได้รวมปีนี้ แตะ 1 พันล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)
(+) ERW (Bloomberg Consensus 5.55 บาท) มั่นใจยอดจองห้องพัก-รายได้เฉลี่ยต่อห้องโค้งท้ายโตแกร่ง โดยเฉพาะในกลุ่ม Non HOP INN ทั่วประเทศ ขณะเดียวกันกลุ่ม HOP INN ได้อานิสงส์จากช่วงไฮซีซันการท่องเที่ยวช่วงกันยายน-พฤศจิกายน ดันยอดจองสิ้นไตรมาส 4/2567 อยู่ที่ 85-89% หนุนรายได้รวมทั้งปีเติบโต 15% ตามเป้า เผยอยู่ระหว่างศึกษาแผนลงทุนโรงแรมทุกเซ็กเมนต์สร้างการเติบใหม่ (ที่มา ทันหุ้น)