วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ คงเน้นกลุ่ม Defensive และกำไรแข็งแกร่ง

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ คงเน้นกลุ่ม Defensive และกำไรแข็งแกร่ง

ตลาดคาด FED มีโอกาสลดดอกเบี้ยต่อ ตลาดเพิ่มความเชื่อมั่นกว่า 90% ว่า FED มีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ย ลงอีก 0.25 ในการประชุมครั้งถัดไป (6-7 พ.ย.)

แม้อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ (PCE) ประจำเดือน ก.ย. อยู่ที่ 2.1% yoy และ Core PCE อยู่ที่ 2.7% yoy ใกล้เคียงกับที่ตลาดคาด และเริ่มโน้มสู้เป้าหมายที่ 2% อย่างไรก็ตามภาคแรงงานยังคงสะท้อนถึงความแข็งแกร่ง หลังการรายงานตัวเลขการขอสวัสดิการการว่างงาน อยู่ที่ 216,000 แสนตำแหน่ง ต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ 230,000 เรามองเป็นโอกาสในการเก็งกำไรกลุ่มการเงิน และอสังหาริมทรัพย์

กระจายความเสี่ยงในภาวะที่ตลาดผันผวน ตลาดหุ้นปรับตัวลงเป็นวงกว้างในเดือน ต.ค. เราแนะนำกระจายความเสี่ยงโดยแบ่งน้ำหนักการลงทุนเป็น 2 ส่วน 1) หุ้นที่อยู่ในโมเมนตัมขาขึ้นและมีแนวโน้มกำไรที่แข็งแกร่ง เนื่องจากเรามองว่าเป็นกลุ่มที่มีเงินทุนไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม (WHA, AMATA) และ  กลุ่มสื่อสาร (ADVANC, TRUE) โดยทั้งสองกลุ่มจะได้ประโยชน์จากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐ-จีน เรามองว่ามีโอกาสเห็นการเก็งกำไรหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ สัปดาห์หน้า และ 2) หุ้น Laggard ที่มีโมเมนตัมของกำไรที่แข็งแกร่ง ได้แก่กลุ่มโรงไฟฟ้า (BGRIM, RATCH, EGCO) ที่จะได้รับประโยชน์จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และ หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว (AOT,ERW,VRANDA) ที่ราคาได้รับรู้ปัจจัยลบไปมาก 

แนวรับถัดไป 1,430 ระยะกลางตลาดยังอยู่ในภาพของการพักฐานบริเวณ 1,430-1,450 จุด ภาพใหญ่ยังอยู่ในทิศทางขาขึ้น ในขณะที่บรรยากาศการลงทุนโดยรวมเป็นภาพของการเก็งกำไรหุ้นรายตัวที่แนวโน้มผลประกอบการแข็งแกร่ง ตามกลุ่มที่มีการทยอยประกาศผลประกอบการ 3Q24 หุ้นหลายตัวมีการปรับฐานตามเล็กน้อยจาก Valuation ที่ค่อนข้างตึงตัว ระยะกลางมองแนวรับที่ 1,430 จุด 

 

ภาพรวมกลยุทธ์  “กรอบการเก็งกำไร 1,430-1,500 จุด เลือกเก็งกำไรรายตัว สะสมหุ้นที่เข้าสู่ช่วง high season อย่างท่องเที่ยว การแพทย์ เราชอบ AOT, ERW, CENTEL, SPA, VRANDA, BCH, BDMS 2) หุ้นได้ประโยชน์การ Relocation : WHA,TRUE, INSET, ITEL, MFEC, AIT, ICN, LTS 3) หุ้นต่ำมูลค่าทางบัญชี FLOYD, IND, BC

แนวรับ: 1,430  แนวต้าน : 1,500 จุด 

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%

หุ้นแนะนำ  (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)

•    VRANDA* (7) : คาดกำไรสุทธิ 2H67 จะเติบโตเด่น yoy หนุนจากทั้งธุรกิจโรงแรม และอสังหาริมทรัพย์ ผสานกับอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้น ตัดขาดทุน 5.00 บาท
•    WHA* (6.50) : คาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/67 เติบโตเด่น yoy จากอัตรากำไรขั้นต้นที่แข็งแกร่ง ตัดขาดทุน 5.60 บาท 
•    ADVANC* (310) : คาดกำไรสุทธิ เติบโตเด่น yoy หนุนจากธุรกิจ FBB และคาดจะมี catalyst ใหม่ หลัง GULF เข้ามาถือหุ้นโดยตรง ตัดขาดทุน 268 บาท  
•    MENA* (1.40) : เข้าสู่เฟสของการฟื้นตัว ปริมาณการใช้คอนกรีตผสมเสร็จเดือน ก.ย. พลิกบวก yoy ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 11 เดือน ตัดขาดทุน 1.15 บาท

ประเด็นที่น่าสนใจ 

-    ดัชนี VIX พุ่งทะลุ 20 จุด นักลงทุนแพนิค กังวลผลเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ
-    สหรัฐเผยดัชนี PCE +2.1% เดือนก.ย. สอดคล้องคาดการณ์
-    สหรัฐเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานต่ำกว่าคาด
-    สหรัฐเผยการใช้จ่ายผู้บริโภค +0.5% เดือนก.ย. สูงกว่าคาดการณ์
-    ผู้ว่า BOJ ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยอีก หากเศรษฐกิจ-เงินเฟ้อสอดคล้องคาดการณ์
-    คลัง คาดเศรษฐกิจไทยปี 68 โต 3% แรงหนุนบริโภคเอกชน-ส่งออก-ท่องเที่ยว-ลงทุนโตต่อเนื่อง
-    เศรษฐกิจไทยก.ย.ชะลอตัว ตามการส่งออก-บริโภคเอกชน แต่รายได้ท่องเที่ยวเพิ่ม
-    พาณิชย์ สั่งเบรกขึ้นราคาน้ำมันถั่วเหลือง-น้ำมันปาล์ม
-    CPN คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 83 บาท / MENA คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 1.40 บาท

 

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

      1 พ.ย. – ผลประกอบการ ADVANC, THCOM /  US Non Farm Payrolls/ Unemployment Rate
      5 พ.ย. – TH CPI, ผลประกอบการ IRPC และ ITC

 

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ คงเน้นกลุ่ม Defensive และกำไรแข็งแกร่ง วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ คงเน้นกลุ่ม Defensive และกำไรแข็งแกร่ง