วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ ITC มองระมัดระวังมากขึ้นในระยะต่อไป
ITC ยังคงมองบวกกับแนวโน้มยอดขายใน 4Q67F โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ เนื่องจากมียอดคำสั่งซื้อที่แน่นอนแล้ว 95% ของประมาณการยอดขาย
บริษัทคาดว่ายอดขายที่เพิ่มขึ้นจะมาจากปริมาณยอดขายที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐ และ การออกสินค้าใหม่ในยุโรปเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม GPM น่าจะลดลง QoQ เพราะราคาปลาทูน่าแพงขึ้น (US$1,500/ton ในเดือนตุลาคม จาก US$1,410 ใน 3Q67), ค่าเสื่อมราคาสูงขึ้น และ มีการกลับรายการสำรองสินค้าคงคลังน้อยลง ในขณะเดียวกัน สัดส่วนยอดขายสินค้า premium น่าจะลดลงจาก 54.7% ใน 3Q67 โดยคาดว่าสัดส่วนดังกล่าวจะอยู่ในช่วง 53%-54% ในปี 2567F เราคาดว่า GPM ที่ลดลงจะมีน้ำหนักมากกว่ายอดขายที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้กำไรใน 4Q67F ลดลง QoQ
บริษัทปรับเป้าปี 2567FF
ITC ปรับเป้าหมายในปี 2567 ดังนี้ i) ลดอัตราการเติบโตของยอดขายเหลือ 15%-17% (จาก 18%-19%)
เพราะเงินบาทแข็งค่าขึ้น และ ยอดขายที่สหรัฐ และ ญี่ปุ่นลดลง ii) เพิ่ม GPM เป็น 26%-28% (จาก 24%-
26%) เนื่องจากสัดส่วนยอดขายสินค้า premium เพิ่มขึ้น และ การกลับรายการสำรองสินค้าคงคลัง และ
iii) คงสัดส่วน SG&A ต่อยอดขายเอาไว้เท่าเดิมที่ 8%-9% ทั้งนี้ เป้าใหม่ของบริษัทสอดคล้องกับ
สมมติฐานของเราซึ่งคาดว่าอัตราการเติบโตของยอดขายจะอยู่ที่ 16.9%, GPM ที่ 27.0% และ สัดส่วน
SG&A ต่อยอดขายที่ 8.5%
ยังคงระมัดระวังกับแนวโน้มการเติบโตในปีหน้า
เรายังคงเป็นห่วงผลกระทบของเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นต่อผลประกอบการของ ITC ในปี 2568F ถึงแม้ว่าธุรกิจของบริษัทจะตั้งราคาขายแบบ cost-plus แต่บริษัทอาจจะไม่สามารถส่งผ่านต้นทุนไปให้ลูกค้าได้ทั้งหมด นอกจากนี้ ITC ยังได้แรงส่งจากหลายปัจจัยในปีนี้ อย่างเช่น ราคาปลาทูน่าที่ต่ำ, วัฏจักรการกลับมาตุนสต็อก และ การกลับรายการสำรองสินค้าคงคลัง ซึ่งเราคิดว่าปัจจัยเหล่านี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นซ้ำอีกในปี 2568F ซึ่งจะทำให้อัตราการเติบโตของยอดขาย และ GPM ลดลงเมื่อเทียบกับปี 2567F
Valuation & action
เรายังคงคำแนะนำถือ ITC โดยประเมินราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 25.25 บาท (อิงจาก PER ที่ 20x) ทั้งนี้
เนื่องจากเราคาดว่าในปีหน้าบริษัทจะได้รับผลกระทบหนักขึ้นจากการแข็งค่าของเงินบาท เราจึงคาดว่ากำไรสุทธิจะโตเพียง 5% YoY (จากที่คาดว่าจะโตถึง 58% YoY ในปี 2567F)
Risks
ความผันผวนของต้นทุนวัตถุดิบ, อัตราแลกเปลี่ยน และ การแข่งขันในตลาด