กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์ : บล.เคจีไอฯ ยังคงแกว่งตัวในกรอบ ติดตามปัจจัยต่างประเทศเพิ่มเติม
ยังคงอยู่ในโหมดไซด์เวย์ เพราะปัจจัยภายนอกยังคงไม่แน่นอน ในสัปดาห์ที่แล้ว (4-8 พฤศจิกายน) ตลาดหุ้นไทยผันผวนหนักก่อนที่จะปิดแทบไม่เปลี่ยนแปลง WoW โดยปัจจัยแวดล้อมตลาดมีดังนี้
ปัจจัยแรก ตลาดหุ้นเอเชียผันผวนหลังจากที่นาย Donald Trump ชนะการเลือกตั้งในสหรัฐ และ พรรค
Republican คุมเสียงได้ทั้งในสภาผู้แทนฯ และวุฒิสภาของสหรัฐ ซึ่งทำให้นักลงทุนเป็นกังวลกับประเด็นสงครามการค้า 2.0 ระหว่างสหรัฐ และ จีน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกด้วย
ปัจจัยที่สอง DELTA* ซึ่งเป็นหุ้น mega-cap ในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และ ปัจจุบันเป็นหุ้นที่ใหญ่ที่สุดในตลาดหุ้นไทยไปแล้ว กลับมาผันผวนมากขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์ หลังจากที่ SET ออกประกาศเตือนนักลงทุนให้ระมัดระวัง และ พิจารณาลงทุนหุ้น DELTA อย่างรอบคอบเพราะราคาหุ้นขยับขึ้นมาสูงมากแล้ว
สำหรับในสัปดาห์นี้ (11-15 พฤศจิกายน) เราคาดว่าดัชนี SET จะยังเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบ จากประเด็นการลงทุนดังต่อไปนี้
ประเด็นแรก ในส่วนของปัจจัยมหภาค นักลงทุนจะยังจับตาดูนโยบายจากว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ
Donald Trump ในขณะเดียวกัน เราไม่คิดว่าตลาดจะตอบรับในเชิงบวกอย่างมีนัยสำคัญกับมาตรการทางการคลังของจีนที่เพิ่งประกาศออกมาเมื่อวันศุกร์ โดยจีนมีแผนจะ swap หนี้ไม่เกิน RMB6.0 ล้านล้านหยวน โดยมีเป้าหมายที่จะลดภาระหนี้ของรัฐบาลท้องถิ่น ซึ่งเป็นแผนห้าปี ดังนั้นจึงไม่น่าจะส่งผลกระทบมากนักในระยะสั้น
ประเด็นที่สอง สัปดาห์นี้จะเป็นช่วง peak ของการส่งงบ 3Q67 ซึ่งตามปกติแล้ว สัปดาห์สุดท้ายของการประกาศงบ ตลาดมักจะผันผวนหนักเพราะหุ้นหลักมีการขยับขึ้นลงตามผลประกอบการรายไตรมาสที่ออกมา นอกจากนี้ รัฐบาลไทยยังไม่ได้ประกาศรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสำหรับช่วงปีใหม่ 2568 เลย
ติดตามนโยบายของ Donald Trump, การประกาศงบ 3Q67 ของ บจ. ไทย และการประชุมเพื่อเลือกประธาน ธปท.
ปัจจัยต่างประเทศ: นักลงทุนควรติดตาม i) กระแสข่าวเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจ และ สังคมในช่วงที่ Trump กำลังจะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี และ ii) การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐ อย่างเช่น CPI เดือนตุลาคมในวันที่ 13 พฤศจิกายน และ ยอดค้าปลีกเดือนตุลาคมในวันที่ 15 พฤศจิกายน
ปัจจัยในประเทศ: ดังที่กล่าวไปแล้วข้างต้น นักลงทุนควรติดตาม i) การรายงานผลประกอบการ 3Q67 ซึ่งจะ peak ในสัปดาห์นี้ ii) กระแสข่าวเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไทย และ iii) การประชุมเพื่อคัดเลือกประธาน ธปท. ในวันนี้ ซึ่งถูกเลื่อนมาจากวันที่ 4 พฤศจิกายน
ยังเน้นหุ้นธีมหลัก อย่างเช่น มาตรการกระตุ้นการบริโภคเพิ่มเติม, นิคมฯ และ หุ้นที่งบ 3Q67 มีแววดี
เนื่องจากเรามองว่าในระยะสั้น ตลาดหุ้นไทยน่าจะยังเคลื่อนไหวในกรอบแคบจากการที่นักลงทุนยังติดตามนโยบายของสหรัฐ และ ผลประกอบการของบริษัทไทย ดังนั้น เราจึงคิดว่านักลงทุนควรที่จะเน้นลงทุนแบบ defensive และ เตรียมพร้อมเข้าซื้อสะสมหุ้นในธีมหลักของเราอย่างเช่น กลุ่มที่จะได้อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นการบริโภคเพิ่มเติม (CPALL*, CPAXT, CPN*), นิคมอุตสาหกรรมที่จะได้อานิสงส์จากการย้ายฐาน FDI ไม่ว่าใครจะชนะการเลือกตั้งสหรัฐ (AMATA*) และ หุ้นที่งบ 3Q67 มีแววจะออกมาดี (AAV*)