วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก พักตัว

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก พักตัว

วันจันทร์ที่ผ่านมาดัชนีเคลื่อนไหว Sideway ในแดนลบ ตามทิศทางตลาดต่างประเทศจากความกังวลนโยบายการค้าสหรัฐ ขณะที่เงินบาทอ่อนค่ากดดัน Fund Flow นักลงทุนต่างชาติไหลออก ประกอบกับ ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลง กดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน

อย่างไรก็ตามมีแรงซื้อในหุ้น DELTA ช่วยพยุงดัชนี ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,456.47 จุด -8.22 จุด -0.56% มูลค่าการซื้อขาย 39,743.10 ลบ. Program Trading -270.39 ลบ. ต่างชาติ -756.51 ลบ. TFEX +3,414 สัญญา ตราสารหนี้ -2,012.74 ลบ.

ปัจจัยบวก    

+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 304.14 จุด หรือ +0.69% พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ตลาดยังคงขานรับชัยชนะของ โดนัลด์ ทรัมป์ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ในวันพุธนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ แนวโน้มเงินเฟ้อและทิศทางอัตราดอกเบี้ย ของ FED
+ ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 65% ที่ FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ ย 0.25% สู่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเดือนธ.ค.
+ ผู้นำชาติอาหรับและมุสลิมเริ่มทยอยเดินทางถึงซาอุดีอาระเบียเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอด เพื่อหาทางออกเกี่ยวกับสงครามของอิสราเอลในฉนวนกาซาและเลบานอน

ปัจจัยลบ 

- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดร่วงลง 1.98 ดอลลาร์ หรือ -2.74% ปิดที่ 70.38 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนคลายกังวลเกี่ยวกับภาวะชะงักงันของอุปทานน้ำมันที่เกิดจากพายุเฮอร์ริเคนในอ่าวเม็กซิโก และผิดหวังกับการเปิดเผยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจล่าสุดของจีน
- KCNA สื่อของทางการเกาหลีเหนือรายงานว่าเกาหลีเหนือได้ให้สัตยาบันต่อสนธิสัญญาความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศกับรัสเซีย ท่ามกลางข้อกล่าวหาว่าเกาหลีเหนือส่งทหารจำนวนมากไปสนับสนุนรัสเซียในการรุกรานยูเครน
- SCB EIC ระบุว่าเศรษฐกิจไทยในระยะสั้นเผชิญความเสี่ยงด้านต่ำเพิ่มขึ้นจากนโยบายทรัมป์ 2.0 ผ่านผลกระทบด้านการค้าและการลงทุน นโยบายกีดกันการค้าและการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่กดดันการค้าโลกให้ชะลอลง ส่งผลโดยตรงต่อภาคการส่งออกไทย

 

 

แนวโน้มตลาดวันนี้    

คาดดัชนีในวันนี้ มีโอกาสอ่อนตัวลงตามทิศทางตลาดภูมิภาค โดยนักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนี CPI ของสหรัฐในวันพุธนี้ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลง กดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,450-1,465 จุด

กลยุทธ์การลงทุน    

• สินค้าส่งออกเดือนก.ย.ที่ยังเติบโต : ITC AAI STA NER TEGH STGT WFX
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากแผนลงทุน Data Center : WHA ADVANC GULF TRUE INSET
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการที่ ทรัมป์ ชนะเลือกตั้ง : AMATA WHA ROJNA TLI BLA DELTA HANA
• MSCI Rebalance (ใช้ราคาปิด25 พ.ย.) : MSCI Global Standard : เข้า - ออก SCGP MSCI Global Small Cap : เข้า CCET ออก TQM

หุ้นรายงานพิเศษ  

STECON "ถือ" (Bloomberg Consensus 10.40)
"คาดกำไร 3Q67 เติบโต QoQ แต่หดตัว YoY"

•คาดกำไร 3Q67 อยู่ที่ราว 54 ลบ.หดตัว 58%YoY แต่เติบโต 113%QoQ คาดว่ารายได้ก่อสร้างจะทรงตัวใกล้เคียง 2Q67 ที่ 8.4 พันลบ. โดยได้แรงหนุนจากงานก่อสร้างโรงไฟฟ้า Solar 5 โครงการและรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ที่เริ่มเจาะอุโมงค์ตั้งแต่ 2Q67 ทำให้รับรู้รายได้เพิ่มขึ้น ช่วยหนุนอัตรากำไรขั้นต้นให้เพิ่มขึ้นจาก 6M67 ที่ 4.4% สู่ระดับ 5% ขณะที่คาดว่า SG&A จะทรงตัวใกล้เคียง 2Q67 จากการรับค่าใช้จ่ายของ JV การก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ อย่างไรก็ตามเราคาดว่าส่วนแบ่งขาดทุนจากรถไฟฟ้าสายสีชมพูและเหลืองจะลดลงเนื่องจาก จำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 28%QoQ และ 18%QoQ ตามลำดับ

ความเห็น เรามีมุมมอง Neutral ต่อ STECON เนื่องจากยังขาด Catalyst ใหม่อย่างงานประมูลภาครัฐ หลังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเผยจะมีโครงการประมูลในปี 67 ยังน้อยแต่จะเร่งตัวขึ้นในปี 68 อาทิ งานก่อสร้างทางด่วน รถไฟความเร็วสูงไทย-จีน เราจึงเพียงแนะนำ “ถือ”

 

หุ้นมีข่าว

(+) SAV (Bloomberg Consensus 26.63 บาท) ปลายปีเข้าไฮซีซัน แถมมีสนามบินใหม่สนามบินนานาชาติดาราสาครที่กัมพูชา จ่อเปิดเพิ่มช่วยกระตุ้นยอดการเดินทาง ต้นปี 2568 คาดลงนามงานระบบตรวจจับ 1.5 พันล้านบาท และมีดีลขายอุปกรณ์วิทยุการบินอีก 1.5 พันล้านบาท ส่วนสัมปทานวิทยุการบิน สปป.ลาว คาดได้ลงนามปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ ชี้เป้าปีหน้ารายได้รวมโต 12% (ที่มา ทันหุ้น)

(+) COCOCO (Bloomberg Consensus 13.35 บาท) เผยงบไตรมาส 3/2567 กวาดรายได้ 1,929 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49% (YoY) และมีกำไร 172 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% (YoY) ด้านผู้บริหาร ส่งซิกโค้งสุดท้ายปี 2567 เติบโตอย่างแข็งแกร่งในช่วงที่เหลือของปีนี้ เดินหน้าขยายตลาดต่างประเทศและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์น้ำมะพร้าวและกะทิที่ได้รับความนิยมสูง ลุยเพิ่มกำลังการผลิตรับทรัพย์ (ที่มา ทันหุ้น)

(+) TU (Bloomberg Consensus 17.60 บาท) เดินหน้าทุ่มงบราว 3 หมื่นล้านบาท ลุยอัพเกรดธุรกิจ-M&A ต่อยอดเพิ่มยาวอีก 6 ปีข้างหน้า บอสใหญ่ "ธีรพงศ์ จันศิริ" วางหมากปี 2573 รายได้ทะยานแตะ 2.45 แสนล้านบาท รับฐานธุรกิจโตต่อเนื่อง ส่วน Q4/2567 เชื่อฟอร์มสวยต่อเนื่อง อานิสงส์ทุกกลุ่มธุรกิจสดใส (ที่มา ทันหุ้น)

(+) STA (Bloomberg Consensus 23.80 บาท) มองไตรมาสสุดท้ายโตต่อเนื่อง คาดการณ์ปริมาณการขายเพิ่มสูงขึ้น คาดราคาขายยางมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีก หลังขยับขึ้นในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา พร้อมเผยผลงานไตรมาส 3/2567 ทำกำไรสุทธิ 517.3 ล้านบาท พุ่งแรง 226.1% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รับปริมาณขายยางธรรมชาติรวมทะลุ 3.8 แสนตัน เพิ่มขึ้นถึง 53.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และราคาขายยางธรรมชาติที่เพิ่มขึ้นติดต่อกัน 6 ไตรมาส จับตา EUDR ดีมานด์ตลาดยุโรปหนุนอนาคตแกร่ง (ที่มา ทันหุ้น)