สแกนมาตรการปราบ”นอมินี” ความท้าทายรัฐบาล ฟื้นเชื่อมั่นลงทุนต่างชาติ

สแกนมาตรการปราบ”นอมินี” ความท้าทายรัฐบาล ฟื้นเชื่อมั่นลงทุนต่างชาติ

อนุกรรมการปราบนอมินี คลอดแผนปราบ”นอมินี”ก่อนชงครม. ด้านกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเข้มงวดรับจดทะเบียนธุรกิจกลุ่มเสี่ยง ป้องกัน”นอมินี”จดทะเบียนนิติบุคคล ด้าน”นภินทร” ลั่นไม่มีมีเคลียร์" แก๊งมิจฉาชีพ"อ้างตัวเคลียร์คณะอนุกรรมการฯ จบปัญหานอมินี

KEY

POINTS

Key Point

  • รัฐบาลตั้งคณะอนุกรรมการป้องกันและปราบปรามธุรกิจอำพรางของคนต่างด้าว
  • กระทรวงพาณิชย์ จับมือ  10 หน่วยงาน  เดินหน้าปราบปราม ‘นอมินี’ 
  • กรมพัฒนาธุรกิจการค้าออก  7  มาตรการป้องปรามการจดทะเบียนบริษัทที่อาจนำไปสู่กระทำความผิดทางกฎหมาย
  • กรมพัฒนาธุรกิจการค้าจับมือตำรวจสอบสวนกลาง แก้ปัญหาปัญหาการเปิดบัญชีม้าของนิติบุคคลและการใช้คนไทยเป็นนอมินี

ปัญหาธุรกิจอำพรางของคนต่างด้าวหรือ “นอมินี” (Nominee)  เป็นปัญหาใหญ่ระดับประเทศและเป็นปัญหาซ้ำซาก ที่ยังแก่ไม่หาย ที่ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและภาพลักษณ์ของประเทศในวงกว้างแม้ว่าไทย มีพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจคนต่างด้าว พ.ศ.2542 ซึ่งที่บังคับใช้กับคนต่างด้าวที่จะเข้ามาประกอบธุรกิจในไทยอย่างถูกต้องตามกฏหมาย

แต่ก็ยังมีคนต่างด้าวหลบเลี่ยงกฎหมายมาประกอบธุรกิจในไทย โดยใช้คนไทยทำนิติกรรมอำพราง เพื่อช่วยเหลือให้คนต่างด้าวเข้ามาทำธุรกิจในไทยโดยไม่ต้องปฏิบัติตามพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวพ.ศ.2542

รัฐบาล”นางสาว แพทองธาร” นายกรัฐมนมีนโยบายในการดำเนินการปราบปราม“นอมินี”  ล่าสุดได้มีการตั้งคณะอนุกรรมการป้องกันและปราบปรามธุรกิจอำพรางของคนต่างด้าว โดยมีนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์  เป็นประธาน

ร่วมมือกับ 10 หน่วยงาน อาทิ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมสอบสวนคดีพิเศษ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ที่เกี่ยวข้องร่วมกันตรวจสอบสแกนบริษัทที่เข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทยทั้งหมด   ร่วมกันตรวจสอบสแกนบริษัทที่เข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทยทั้งหมด

ล่าสุดประชุมรอบแรกคลอดแผนแก้ปัญหาทั้งระยะสั้น, ระยะกลาง และระยะยาว เตรียมจนำเสนอคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ที่มีรมว.พาณิชย์เป็นประธานพิจารณาเร็วๆ นี้ ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ

 

ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ได้มอบนโยบายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเร่งตรวจสอบนิติบุคคลกลุ่มเสี่ยงอย่าง ธุรกิจแพลตฟอร์มออนไลน์ ให้เช่าโกดังสินค้า และโลจิสติกส์ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร พร้อมลงพื้นที่กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบธุรกิจตามแผนปฏิบัติการ

รวมถึงการเพิ่มความเข้มงวดทั้งก่อนและหลังรับจดทะเบียนธุรกิจในนิติบุคคลกลุ่มเสี่ยงที่อาจเป็นนอมินี อาทิ การตรวจสอบหลักฐานทางการเงินของผู้ลงทุนคนไทยที่ลงทุนเองหรือถือหุ้นในนิติบุคคลร่วมกับคนต่างด้าวว่ามีศักยภาพในการลงทุนได้จริงและจัดทำข้อมูลนิติบุคคลกลุ่มเสี่ยงประจำปี

ทั้งนี้กรมพัฒนาธุรกิจการค้ายังได้ออกมาตรการป้องปรามการจดทะเบียนบริษัทที่อาจนำไปสู่กระทำความผิดทางกฎหมายใน 7 ด้าน คือ 1.แลกเปลี่ยนและเชื่อมโยงข้อมูลนิติบุคคลเพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลในการสืบสวน สอบสวนและดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด 

2. ร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบสถานที่ตั้งนิติบุคคล

3. ลงพื้นที่ตรวจสอบ สืบสวน สอบสวน และจับกุมผู้กระทำความผิด 

4.นำเทคโนโลยีมาช่วยวิเคราะห์แนวโน้มพฤติกรรมของนิติบุคคลที่มีผลต่อการดำเนินธุรกิจตามกฎหมาย หรือระบบ IBAS : Intelligence Business Analytic System ซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบ

 5. เพิ่มความเข้มงวดในการพิจารณารับจดทะเบียนนิติบุคคลโดยเฉพาะธุรกิจกลุ่มเสี่ยง 

6. กรณีร้านค้าออนไลน์ประชาชนสามารถตรวจสอบความมีตัวตนของร้านได้ผ่านเว็บไซต์ www.trustmarkthai.com และ 7) สร้างความเข้าใจให้กับผู้ประกอบธุรกิจให้ดำเนินธุรกิจถูกต้องตามกฎหมาย และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนตระหนักถึงการตรวจสอบความมีตัวตนของนิติบุคคลก่อนทำจะลงทุนใดๆ

นอกจากนี้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าจับมือตำรวจสอบสวนกลาง เซ็น MOU แก้ปัญหาปัญหาการเปิดบัญชีม้าของนิติบุคคลและการใช้คนไทยเป็นนอมินี เผย มีบัญชีม้าที่เป็นนิติบุคคล 602 บัญชี สร้างมูลค่าความเสียหาย 680 ล้านบาท 

อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีคณะอนุกรรมการป้องกันและปราบปรามนอมินีแต่ก็ยังไม่วายที่จะมี”บุคคล”แอบอ้างเป็น”ตัวกลาง”เจรจากับคณะอนุกรรมการเพื่อฟอกตัวเอง ซึ่ง“นภินทร ศรีสรรพางค์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการป้องกันและป้องปรามธุรกิจอำพรางของคนต่างด้าว ลั่นไม่มีรับเคลียร์ใดๆทั้งสิ้น ใครที่ถูกเรียกรับเงิน หรือผลประโยชน์ โดยอ้างว่าจะนำมาเคลียร์กับคณะอนุกรรมการฯเพื่อให้จบปัญหานอมินีนั้น ให้รู้ไว้ว่า กำลังถูกหลอก และเรียกตบทรัพย์ " พร้อมย้ำว่ารัฐเอาจริงต้องปราบนอมินีให้หมดสิ้น

ปัญหา”นอมินี”ฝังรากลึกในระบบเศรษฐกิจไทยมายาวนาน และมีการพัฒนารูปแบบโดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่  ทั้งการนำบัญชีนิติบุคคลไปทำเป็นบัญชีม้า หรือการใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพรางในการประกอบธุรกิจ (นอมีนี) การโทรศัพท์ หลอกลวงผู้เสียหายหรือการกระทำผิดในรูปแบบแก๊งค์ Call Center ซึ่งส่งผลให้เกิดความเสียหายกับบุคคลที่ถูกหลอก และธุรกิจ ความน่าเชื่อถือของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งปัญหา”นอมินี” เป็นปัญหาใหญ่ระดับประเทศที่ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและภาพลักษณ์ของประเทศในวงกว้าง

การแก้ปัญหา”นอมินี”ให้หมดสิ้นไปจากประเทศไทยถือเป็นความท้าทายอย่างยิ่งที่รัฐบาละจะต้องเร่งแก้ปัญหาและบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังเด็ดขาดเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในการทำธุรกิจลดความเสียหายที่จะเกิดกับภาคธุรกิจและประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนสร้างความโปร่งใสให้กับระบบธุรกิจของประเทศ