วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก Sideway
วันพฤหัสบดีที่ผ่านมาดัชนีเคลื่อนไหวผันผวน +,-10 จุด โดยดัชนีถูกกดดันจากเงินบาทอ่อนค่า ทำให้ Fund Flow นักลงทุนต่างชาติไหลออก มีแรงขายมากในหุ้นกลุ่มขนส่ง ประกัน และธนาคาร ขณะที่มีแรงซื้อมากในหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และค้าปลีก เป็นปัจจัยช่วยพยุงดัชนี
อย่างไรก็ตามวานนี้นักลงทุน จับตาถ้อยแถลงของประธานเฟด ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,450.12 จุด -1.35 จุด -0.09% มูลค่าการซื้อขาย 59,320.35 ลบ. Program Trading -1,870.57 ลบ. ต่างชาติ -3,225.71 ลบ. TFEX -10,680 สัญญา ตราสารหนี้ -2,074.9 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 27 เซนต์ หรือ +0.4% ปิดที่ 68.70 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีรายงานว่าสต็อกน้ำมันเบนซินและน้ำมันกลั่นของสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง บดบังปัจจัยลบจากการแข็งค่าของ สกุลเงินดอลลาร์และแนวโน้มอุปทานน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น
+ สหรัฐ เปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ปรับตัวขึ้น 2.4%YoY ใน เดือนต.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.3%YoY หลัง จากเพิ่มขึ้น 1.9%YoY ในเดือนก.ย. ส่วนจำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 4,000 ราย สู่ระดับ 217,000 รายในสัปดาห์ที่แล้วต่ำสุดในรอบ 6 เดือน และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 225,000 ราย
+ รัฐบาลจีนปรับลดภาษีการโอน (deed tax) ลงเหลือเพียง 1% จากระดับปัจจุบันที่สูงถึง 3% สำหรับผู้ซื้อที่อยู่อาศัยที่เป็นแฟลตหลังแรกและที่สองขนาดไม่เกิน 140 ตารางเมตร ช่วยลดต้นทุนในการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในเมืองขนาดใหญ่ เช่น ปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ มีผลตั้งแต่ เดือนธันวาคมปีนี้เป็นต้นไป
+ ททท. เปิดเผยแนวโน้มการท่องเที่ยวช่วงปลายปีจนถึงเทศกาล countdown ปี 68 พบว่ายอดจองโรงแรมที่พักล่วงหน้าทะยานขึ้นชัดเจนโดยเฉพาะตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยคาดว่าทั้งปี 67 จะทำได้ตามเป้าหมายที่ 35 ล้านคน หรือมากกว่า สถิติตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.67 ถึงปัจจุบัน ทำได้ 30 ล้านคนแล้ว
ปัจจัยลบ
- ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 207.33 จุด หรือ -0.47% หลังจาก เจอโรม พาวเวล ประธาน FED ระบุว่า FED ไม่รีบร้อนปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งทำให้นักลงทุนลดความคาดหวังที่ FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในปีนี้
- FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักเพียง 62% ที่ FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนธ.ค. ลดลงจากระดับ 76% ก่อนประธาน FED กล่าวสุนทรพจน์ ซึ่งลดลงอย่างมากจากระดับ 82.5% ในวันพุธ
- ธนาคารโลกเปิดเผยว่า สงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจของเลบานอนคิดเป็นมูลค่ามากถึง 8.5 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 3 แสนล้านบาท และมูลค่าความเสียหายจะเพิ่มขึ้นมากกว่านี้ หากสงครามยังคงดำเนินต่อไป
+/- ญี่ปุ่นเปิดเผย GDP ขยายตัว 0.9% ใน 3Q67 ขยายตัวติดต่อกันสองไตรมาส และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่าจะขยายตัว 0.7% ได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ดี GDP ชะลอตัวลงอย่างมากจาก Q2 ที่ขยายตัว 2.2%
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้แกว่งตัวผันผวนในลักษณะ Sideway ออกข้าง โดยมีแรงกดดันจากเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวว่า เฟดไม่จำเป็นต้องรีบร้อนในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ประกอบกับ Fund Flow ของนักลงทุนต่างชาติไหลออกต่อเนื่อง กรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,445-1,460 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการที่ ทรัมป์ ชนะเลือกตั้ง : AMATA WHA ROJNA TLI BLA DELTA HANA
• MSCI Rebalance (ใช้ราคาปิด25 พ.ย.) : MSCI Global Standard : เข้า - ออก SCGP MSCI Global Small Cap : เข้า CCET ออก TQM
• รัฐเตรียมแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทให้กลุ่มผู้สูงวัย : CPALL CPAXT BJC TNP
หุ้นรายงานพิเศษ
AWC "ซื้อ" (Bloomberg Consensus 4.40 บาท upside 30%)
"งวด 3Q67 รายงานกำไรสุทธิ 1,139 ลบ. +0.3%YoY, -9%QoQ"
•งวด 3Q67 บริษัทรายงานกำไรสุทธิเท่ากับ 1,139 ลบ. +0.3%YoY, -9%QoQ มีกำไรหลัก (Core Profit) 288 ลบ. +129%YoY, +42%QoQ มีรายได้รวม 4,841 ลบ. (สัดส่วนรายได้แยกตามกลุ่มธุรกิจแบ่งได้ดังนี้ ธุรกิจโรงแรม 58% ธุรกิจสำนักงาน 22% ธุรกิจศูนย์การค้าและค้าส่ง 20%) +4%YoY, +0.1%QoQ สาเหตุหลักจากการเติบโตในกลุ่มธุรกิจโรงแรม และบริการ สอดคล้องกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าพักเพิ่มขึ้น ทำให้มีอัตราการเข้าพัก (Occ. rate) 72% เพิ่มขึ้นจาก 63% ใน 3Q66 รายได้เฉลี่ยต่อวัน (ADR) 5,467 บาท +2%YoY มีรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPAR) 3,918 บาท +16%YoY บริษัทมี EBITDA Margin ที่ 47% จาก 49% ใน 3Q66 และ 52% ใน 2Q67 กำไรในช่วง 9M67 เท่ากับ 3,991 ลบ. +7%YoY บริษัทมี IBD/E Ratio 0.8x แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการกู้ยืม สำหรับการขยายการลงทุนตามแผนธุรกิจ
•ความเห็น เรามีมุมมองเชิงบวกต่อผลการดำเนินงานงวด 4Q67 ที่คาดว่ากำไรหลักจะเติบโต QoQ, YoY จากการเข้าสู่ช่วง High season ของการท่องเที่ยว สอดคล้องกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่คาดจะปรับตัวเพิ่มขึ้น ในช่วง 1 ม.ค. – 3 พ.ย. 67 มีจำนวนนักท่องเที่ยวสะสม 29 ล้านคน +29%YoY โดย Bloomberg Consensus คาดกำไรหลักปี 67 ราว 1,970 ลบ. +86%YoY กำไรปี 68 ราว 2,647 ลบ. +29%YoY ช่วง 9M67 กำไรหลักเท่ากับ 1,173 ลบ. +82%YoY คิดเป็นสัดส่วน 60% ของประมาณการทั้งปี มีราคาเหมาะสมเฉลี่ย 4.40 บาท มี Upside ราว 29% เราจึงแนะนำ “ซื้อ”
หุ้นมีข่าว
(+) GULF (Bloomberg Consensus 63.50 บาท) โชว์กำไรจากการดำเนินงาน 4.71 พันล้านบาท โต 12% YoY เหตุกำลังการผลิตเพิ่ม-รับรู้ส่วนแบ่งกำไร INTUCH 1.58 พันล้านบาท คาด Q4/2567 ผลงานดีต่อเนื่องจากโรงไฟฟ้า COD เพิ่ม-ไฮซีซันโรงไฟฟ้าลม-งบ ADVANC ดี "ยุพาพิน วังวิวัฒน์" ชี้ปี 2568 รายได้โตก้าวกระโดด หลังควบรวมเสร็จไตรมาส 2/2568-จ่ายไฟอีก 1.47 พันเมกะวัตต์-เปิดบริการดาต้าเซ็นเตอร์-คลาวด์ (ที่มา ทันหุ้น)
(+) SKY (Bloomberg Consensus - บาท) โชว์แบ็กล็อกเต็มมือ 2.3 หมื่นล้านบาท หลัง 9 เดือนแรกปี 2567 กวาดรายได้ 4,730 ล้านบาท โต 66% มีกำไรสุทธิ 331 ล้านบาท หนุนจากการเติบโตของตลาดนักท่องเที่ยวฟื้นตัวเต็มที่ ผู้โดยสารเดินทางในสนามบินเพิ่มขึ้น พร้อมเดินหน้าเปิดให้บริการระบบ Biometric ที่สนามบินเต็มรูปแบบ หลังได้รับการตอบรับดีเยี่ยม (ที่มา ทันหุ้น)
(+) CPAXT (Bloomberg Consensus 38.60 บาท) มั่นใจผลงานไตรมาส 4/2567 เติบโตสอดคล้องกับการเข้าสู่ช่วงไฮซีซันทั้งทางธุรกิจและการท่องเที่ยว ทั้งยังหวังผลสัมฤทธิ์จากการควบรวมกิจการที่แข็งแกร่ง ทั้งยังเตรียมส่งกองทรัสต์ AXTRART เข้าเทรดธันวาคม 2567 นี้ กางแผนปี 2568 เดินหน้าขยายสาขาใหม่ ทั้ง Makro และ Lotus's ในทำเลศักยภาพสูง (ที่มา ข่าวหุ้น)
(+) PLANB (Bloomberg Consensus 9.35 บาท) ลั่นรายได้-กำไรปี 2567 ลุ้นสร้างจุดสูงสุดใหม่ โชว์งบไตรมาส 3/2567 กำไรสุทธิโต 8.2% ติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 3 หนุน 9 เดือน ตุนกำไร 727 ล้านบาท โตขึ้น 17.3% พร้อมจัดปันผลระหว่างกาล 0.12 บาทต่อหุ้น จ่าย 11 ธันวาคม 2567 ส่วนไตรมาส 4/2567 แรงต่อขยับราคาขายแพ็กเกจเพิ่ม 5% ฟุตบอล-มวย กระแสดี ส่วน BNK48 รายได้จะฟื้นกลับมาเทียบเท่าต้นปี (ที่มา ทันหุ้น)