วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ NEO กำไรใน 4Q67F น่าจะดีขึ้น
กำไรสุทธิใน 3Q67 ของ NEO อยู่ที่ 231 ล้านบาท (-34% YoY และ -14% QoQ) ทำให้กำไรสุทธิใน 9M67 อยู่ที่ 768 ล้านบาท (+12% YoY) การที่กำไรลดลง YoY เป็นเพราะอัตรากำไรขั้นต้นต่ำลงและสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ต่อยอดขายสูงขึ้น
ส่วนกำไรที่ลดลง QoQ เกิดจากรายได้และอัตรากำไรขั้นต้นลดลง โดยที่รายได้ใน 3Q67 ลดลง 1% YoY และ 2% QoQ อยู่ที่ 2.4 ล้านบาทเพราะยอดขายต่างประเทศในผลิตภัณฑ์เด็กและทารกชะลอตัว แต่ทว่า รายได้ใน 9M67 อยู่ที่ 7.4 พันล้านบาท (+5% YoY) จากกลุ่มสินค้าของใช้ส่วนตัวและผลิตภัณฑ์ของใช้สำหรับเด็กและทารกปรับตัวดีขึ้น
Key highlights
i). รายได้จากผลิตภัณฑ์ของใช้ในครัวเรือนลดลง 0.5% YoY เนื่องจากการแข่งขันสูงในตลาดน้ำยาปรับผ้านุ่มและยอดขายตลาดต่างประเทศชะลอตัวอยู่ที่ 3.1 พันล้านบาทใน 9M67
ii). รายได้จากกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล (28% ของรายได้จากการขาย) เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 2.0 พันล้านบาท (+19% YoY) ใน 9M67 เนื่องจากผลการดำเนินงานของทั้งผลิตภัณฑ์เดิมและใหม่ ๆ แข็งแกร่ง
iii). รายได้จากผลิตภัณฑ์ของใช้สำหรับเด็กและทารก (28% ของรายได้จากการขาย) เติบโต 3% YoY อยู่ที่ 2.3 พันล้านบาทใน 9M67 จากการตอบรับที่ดีหลังเปิดตัวผลิตภัณฑ์พรีเมียมแมสซึ่งช่วยเพิ่มอัตรากำไร (margin) เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ที่มี margin สูง
ในแง่ อัตรากำไรขั้นต้นใน 3Q67 ลดลง 0.5ppts YoY และ 2.4ppts QoQ อยู่ที่ 44.4% จากการปรับสัดส่วน
ผลิตภัณฑ์ (รายได้จากผลิตภัณฑ์เด็กและทารกมี margin สูงลดลง) และต้นทุนวัตถุดิบเพิ่มขึ้น ขณะที่อัตรา
กำไรขั้นต้นใน 9M67 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 45.7% (จาก 42.1% ใน 9M66) ด้วยแรงหนุนจากสัดส่วนผลิตภัณฑ์ที่ลงตัว
และสัดส่วนของผลิตภัณฑ์พรีเมียมแมสที่สูงขึ้น ขณะที่ สัดส่วนค่าใช้จ่าย SG&A ต่อยอดขายใน 3Q67อยู่ที่
32.3% (+4.8ppts YoY แต่ -0.9ppts QoQ) และ 32.4% ใน 9M67 (+2.5ppts YoY) หลัก ๆ เนื่องจากค่าใช้จ่ายทางการตลาดและการส่งเสริมการขายเพิ่มขึ้น
หวังรักษาระดับการเติบโตรายได้เป็นเลขสองหลักในปี 2567-2568F
เราได้เข้าร่วมประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวันที่ 14 พ.ย. ที่ผ่านมา แม้ว่ารายได้จะเติบโตอยู่ที่ 5% YoY ใน 9M67 บริษัทยังคงรักษาการเติบโตของรายได้เป็นเลขสองหลักในปี 2567F หนุนจากการมุ่งเน้นกลุ่มใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง (ผลิตภัณฑ์สำหรับผู้สูงอายุและสัตว์เลี้ยง) และผลิตภัณฑ์พรีเมียมต่างๆ กรณีนี้เป็นนัยว่ากำไรใน 4Q67F จะเติบโตทั้ง YoY และ QoQ ทั้ง ๆ ที่ ราคาน้ำมันปาล์มสูงขึ้นก็ไม่น่าส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานใน 4Q67F เนื่องจากบริษัทมีการบริหารจัดการต้นทุนวัตถุดิบได้ดี
Valuation & action
ปัจจุบัน เรายังไม่มีคำแนะนำสำหรับ NEO แต่ในเบื้องต้น เรามองว่าการเติบโตกำไรปี 2567F ของบริษัทน่าจะอยู่ราว 20% และในปี 2568F ราว 5-10% บนสมมติฐาน i) รายได้โต 10% และ ii) อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ราว 44-45% ทั้งนี้ Bloomberg consensus ให้คำแนะนำรวมที่ ซื้อ 5 ราย และถือ 1 ราย โดยมีราคาเป้าหมายเฉลี่ยรวมที่ 54.41 บาท
Risks
ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว การแข่งขันที่สูงขึ้นและการเปลี่ยนแปลงความชอบของลูกค้า