วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ ตลาดจับตาความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ ยูเครน-รัสเซีย ที่เพิ่มขึ้น
เรามักจะเห็นการโจมตีระลอกใหญ่ก่อนการเจรจาสงบศึก ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผันผวนปรับลดลงแรงในช่วงต้น ก่อนฟื้นตัวด้วยผลประกอบการหุ้นขนาดใหญ่และความคาดหวังต่อการรายงานผลประกอบการของ Nvidia ในคืนนี้
ทั้งนี้ความผันผวนของหุ้นสหรัฐฯ ในคืนที่ผ่านมา และอาจรวมไปถึงการชะลอตัวของตลาดหุ้นเอเชียในช่วงเช้าวันนี้ มาจากคาดการณ์ว่าสงครามระหว่างยูเครน-รัสเซียในระยะสั้นมีความเสี่ยงที่จะรุนแรงขึ้น จากการที่ยูเครนเริ่มใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลในการโจมตีรัสเซีย ทำให้รัสเซียตอบโต้โดยการขู่ว่าอาจจะใช้อาวุธนิวเคลียร์ เรามองสถานการณ์ที่ยกระดับความตึงเครียดมากขึ้นเกิดจาก 2 ปัจจัย ได้แก่ 1) การที่เกาหลีเหนือเข้าร่วมสงครามเป็นกองหนุนให้รัสเซีย และ 2) การเปลี่ยนตัวผู้นำสหรัฐฯ ที่ทำให้ยุทธศาสตร์ในการทำสงครามอาจเปลี่ยนแปลงไป ทำให้ทั้งสองฝ่ายต้องเร่งโจมตี เพื่อสร้างแต้มต่อและความได้เปรียบก่อนการเจรจาสงบศึกที่อาจจะมีขึ้นในระยะถัดไป แม้ฉากทัศน์ดังกล่าวอาจดีในระยะยาว แต่ในระยะสั้นความรุนแรงของสถานการณ์อาจสร้างความกังวลต่อสินทรัพย์เสี่ยง และเพิ่มความต้องการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะที่อาจทำให้ราคาน้ำมันดิบช่วงสั้นปรับขึ้น หนุนแรงเก็งกำไรหุ้นพลังงาน โดยเฉพาะสำรวจและผลิต (PTTEP, BCP) ซึ่งมีปัจจัยในประเทศเรื่องการเจรจาพื้นที่ทับซ้อน (OCA) สนับสนุน
พลังงาน, ท่องเที่ยว, ค้าปลีก และหุ้นที่ได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายภาครัฐ มีแรงส่งเชิงบวก การฟื้นตัวของหุ้นจำนวนมากอยู่ในลักษณะของการดีดตัวระยะสั้น โดยเฉพาะในกลุ่มปิโตรเคมี, พลังงานทดแทน และหุ้นที่ปรับลดลงมาเยอะ อย่างไรก็ตามในภาพกลยุทธ์ประเมินกลุ่มที่น่าสนใจระยะสั้น ได้แก่ 1) พลังงาน ความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์หนุนการฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบ บวกต่อ PTTEP, BCP 2) ท่องเที่ยว ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติ สัปดาห์ล่าสุดอยู่ที่ 747,944 คน (+1.6% WoW) ปรับเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 3 ต่อเนื่อง และมีแนวโน้มเร่งขึ้นในช่วงจากนี้ถึงสิ้นปี บวกต่อหุ้นท่องเที่ยว ทั้ง AOT, MINT, ERW, SPA, VRANDA
3) ค้าปลีก ปัจจัยบวกด้านฤดูกาล และกำลังซื้อที่เพิ่มจากมาตรการรัฐ บวกต่อ CPALL, CPAXT, BJC, TNP 4) หุ้นที่ได้แรงหนุนจากรายจ่ายภาครัฐ ได้แก่ SYNEX, SIS, SAMART, CSS, CK, STECON
ภาพรวมกลยุทธ์ “คงกรอบการเก็งกำไร 1,440-1,470 จุด เลือกเก็งกำไรรายตัว สะสมหุ้นที่เข้าสู่ช่วง high season อย่างท่องเที่ยว การแพทย์ เราชอบ AOT, ERW, MINT, SPA, VRANDA, BCH, BDMS 2) หุ้นได้ประโยชน์การ Relocation : WHA,TRUE, INSET, ITEL, MFEC, AIT, ICN, LTS 3) หุ้นต่ำมูลค่าทางบัญชี FLOYD, IND, BC 4) ภูมิรัฐศาสตร์ หนุน PTTEP, BCP
แนวรับ: 1,453 แนวต้าน : 1,470 จุด
สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%
หุ้นแนะนำ (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)
• PTTEP* (136) : ผลประกอบการช่วงสั้นคาดไม่มีปัจจัยลดขนาดใหญ่ ขณะที่อาจมีแรงหนุนจากปัจจัยภูมิรัฐศาตร์ที่เข้มข้นขึ้น และความคืบหน้าการเจาจาพื้นที่ทับซ้อน (OCA) ตัดขาดทุน 120 บาท
• MINT* (30) : โมเมนตัมผลประกอบการแข็งแกร่ง REIT ขนาด 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งจะช่วยปรับโครงสร้างเงินทุน และลดภาระหนี้อย่างมาก ตัดขาดทุน 25 บาท
• SAMART* (9) : ผลการดำเนินงานมีแนวโน้มฟื้นตัวชัดเจนในช่วง 2567-68 ทั้งจากการใช้จ่ายภาครัฐ และการกลับมาเริ่มมีกำไรของบ.ลูกอย่าง SDC ตัดขาดทุน 7.45 บาท
• ERW* (4.60) : ผลการดำเนินงานเข้า high season และได้ประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตัดขาดทุน 4.02 บาท
ประเด็นที่น่าสนใจ
- สหรัฐ เตรียมยื่นคำร้องต่อศาล สั่งให้ Google ขายทิ้งเบราว์เซอร์ Chrome
- “นทท.ต่างชาติ” ทะลุ 30 ล้านคนในรอบ 10 เดือนครึ่ง จีนแชมป์เข้าไทยเฉียด 6 ล้านคน
- บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ เห็นชอบ “ช่วยชาวนาไร่ละ 1,000”
- คลัง เดินหน้ามาตรการ “พักดอกเบี้ย” นาน 3 ปี
- TNP กำไร Q3/67 โตพุ่ง 41% ฝ่าวิกฤติน้ำท่วมภาคเหนือ
- BTS แนะนำ “ถือ” เป้า 4.79 บาท / MINT แนะนำ “ซื้อ” เป้า 38.00 บาท / PTT แนะนำ “ซื้อ” เป้า 37 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
22 พ.ย. – JP Inflation Rate (OCt)