วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ STECON มูลค่าการลงทุนใน GULF ยังสูงกว่ามูลค่าตลาดของ STECON

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ STECON มูลค่าการลงทุนใน GULF ยังสูงกว่ามูลค่าตลาดของ STECON

เราเชื่อว่าอัตรากำไรขั้นต้นในธุรกิจหลักจะยังคงถูกกดดันจากค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เพื่อซ่อมแซมความเสียหายของอุโมงค์ป้องกันน้ำท่วมที่บึงหนองบอนประมาณ 700 ล้านบาท โดย 55% ได้ถูกบันทึกไปแล้วจนถึงสิ้น 3Q67 และอีก 45% น่าจะถูกบันทึกในอีก 12 เดือนข้างหน้า

กรณีนี้ชี้เป็นนัยว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะยังคงอ่อนแอต่ำกว่า 4% เป็นอย่างน้อยไปอีก 3-4 ไตรมาสหน้า ในขณะที่ ลูกหนี้การค้าก็เร่งตัวเพิ่มขึ้นใน 3Q67 จาก 800 ล้านบาทที่ค้างชำระจากโครงการ Clean Fuel (CFP) ของไทยออยล์ (TOP.BK/TOP TB) หลังจากหนึ่งในผู้รับเหมาหลัก 3 รายเกิดปัญหาสภาพคล่อง อย่างไรก็ดี STECON ได้ทำตามข้อกำหนดขั้นต่ำในโครงการนี้ระหว่างการเจรจาเพื่อการชำระหนี้ แม้ว่าการดำเนินงานโครการถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสีชมพูจะยังคงขาดทุนต่ออีกหลายปี แต่ผลการดำเนินงานน่าจะฟื้นตัวต่อเนื่องจากจำนวนผู้โดยสารรายวันที่เพิ่มขึ้น โดยที่ทั้งรถไฟฟ้าสองสายดังกล่าวจะถึงจุดคุ้มทุนเมื่อมีผู้โดยสารรายวันถึง 1 แสนคนในแต่ละสาย จากปัจจุบันราว 4.10 หมื่นคนในสายสีเหลืองและราว 6 หมื่นคนสำหรับสายสีชมพู

...แต่อาจมีกระแสข่าวดีเกิดขึ้นอยู่บ้าง

STECON กำลังรอรับค่าเคลมประกันสำหรับการซ่อมแซมโครงการบึงหนองบอนซึ่งจะถูกบันทึกเป็นรายได้อื่นน่าจะในปีหน้า การชำระหนี้ที่เป็นไปได้สำหรับหนี้ค้างชำระจากโครงการ CFP ก็เป็นอีกข่าวดีด้วย มองแง่บวก STECON ได้ลงนามสัญญาใหม่มูลค่า 8.50 พันล้านบาทใน 9M67 และฝ่ายบริหารยังคงคาดหวังโครงการใหม่ ๆ ราว 4.00 หมื่นล้านบาทต่อปีในช่วง 2567F-69F ส่วนในปีหน้า STECON จะเข้าสู่ธุรกิจศูนย์ข้อมูลโดยเริ่มก่อสร้างโครงการร่วมทุน 1 โครงการมูลค่า 7.20 พันล้านบาท แะโครงการที่เป็นเจ้าของเองทั้งหมดมูลค่า 5.00 พันล้านบาท ในขณะเดียวกัน STECON ยังหวังว่าโครงการศูนย์การบินอู่ตะเภา (UTA) ของกิจการร่วมค้า (JV) จะเดินหน้าต่อไป เพื่อเริ่มรับรู้รายได้มูลค่า 2.70 หมื่นล้านบาทจากงานก่อสร้างในโครงการนี้

 

 

 

 

Earnings revisions

การขาดทุนสุทธิใน 3Q67 ที่ 147 ล้านบาทส่งผลให้ 9M67 ขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 110 ล้านบาท เราคาดกำไร
ยังคงซบเซาอย่างน้อยจนถึงกลางปี 2568F บนสมมติฐานของการไม่มีค่าเคลมประกันในระยะใกล้ๆ นี้ 
ขณะที่ เราประมาณการขาดทุนสุทธิปี 2567F ที่ 140 ล้านบาท ส่วนปี 2568F เราคาดว่าจะมีกำไรที่ 127
ล้านบาท จากนั้น ปี 2569F มีกำไรที่ 287 ล้านบาท (+126% YoY) ทั้งนี้ ธุรกิจใหม่ ๆ อย่าง ศูนย์ข้อมูล
(data center) และธุรกิจสาธารณูปโภคอยู่ในช่วงเริ่มต้นและยังจำเป็นต้องใช้เวลากว่าจะทำกำไรได้

Valuation & Action

อิงตามสมมติฐานใหม่ ราคาเป้าหมาย SOTP ของเราถูกปรับลดลงที่ 8.50 บาท จากเดิม 10.40 บาท อิง
จากสมมติฐานที่ -1 S.D ของค่าเฉลี่ย PE ที่ 19x บน EPS ปี 2568F สำหรับธุรกิจหลักของ STECON
บวกกับสัดส่วนการลงทุนอีก 1.9% ใน Gulf Power (GULF.BK/GULF TB)* (Figure 7) และเราปรับลด
คำแนะนำหุ้น STECON ลงเป็นเพียงถือ จากซื้อ

Risks

ความรวดเร็วในอัตราการเติบโตของ GDP ความล่าช้าจากการอนุมัติของคณะรัฐมนตรีและการเริ่มดำเนินการโครงการใหม่ ๆ การแก้ไขสัญญาต่าง ๆ การปรับเปลี่ยนฎระเบียบต่าง ๆ การเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย และการปรับเพิ่มค่าแรงงานขั้นต่ำ

 

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ STECON มูลค่าการลงทุนใน GULF ยังสูงกว่ามูลค่าตลาดของ STECON

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ STECON มูลค่าการลงทุนใน GULF ยังสูงกว่ามูลค่าตลาดของ STECON

 

 

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ STECON มูลค่าการลงทุนใน GULF ยังสูงกว่ามูลค่าตลาดของ STECON

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ STECON มูลค่าการลงทุนใน GULF ยังสูงกว่ามูลค่าตลาดของ STECON

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ STECON มูลค่าการลงทุนใน GULF ยังสูงกว่ามูลค่าตลาดของ STECON

วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ STECON มูลค่าการลงทุนใน GULF ยังสูงกว่ามูลค่าตลาดของ STECON