วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ KTB แรงกดดันเพิ่มขึ้นเนื่องจากผลการดำเนินงานดีเกินไป
ปรับลดประมาณการกำไรปี 2568 ลง 3.5%, ปรับลดราคาเป้าหมายปี 2568F และ ปรับลดคำแนะนำ เป็นถือ
ถูกกดดันมากกว่าธนาคารอื่น ๆ ในการออกมาตรการช่วยลูกหนี้
ภายใต้สภาวะกดดันของลูกหนี้สถานการณ์ทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นในรอบที่ผ่านมา และความได้เปรียบของ
KTB ในการเป็นธนาคารที่ทำธุรกิจกับภาครัฐในการปล่อยสินเชื่อโดยตรง และปล่อยพนักงานรัฐ ทำให้
KTB มีความเสี่ยงหนี้เสียต่ำ และค่าใช้จ่ายสำรองฯต่ำ เรามองว่าการที่รัฐบาลพยายามออกนโยบายช่วยเหลือ
เพิ่มเติมแก่ลูกค้าที่ประสบปัญหาในกลุ่มสินเชื่อที่อยู่อาศัย และ สินเชื่อผู้บริโภคจะเป็นแรงกดดันต่อ KTB
มากกว่าธนาคารอื่น ๆ เราสะท้อนความเสี่ยงโดยการปรับเพิ่มค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสูงขึ้น
แรงกดดันทางด้าน Margin อยู่ในประมาณการของเราแล้ว
อัตราการขยายตัวของสินเชื่อ KTB ขึ้นอยู่กับสินเชื่อภาครัฐอย่างมาก (16% ของสินเชื่อรวม) โดยตั้งแต่ต้นปี มาจนถึงตอนนี้ ทั้งนี้ภายใต้การโตสินเชื่อรวมที่ลดลง 0.5% YTD (สินเชื่อธุรกิจ -7% และ สินเชื่อ SME -8%) แต่มีเพียงสินเชื่อภาครัฐเท่านั้นที่โตแรงถึง 11% การขยายสินเชื่อภาครัฐช่วยกดให้ความเสี่ยงด้านเครดิต (credit risk) ของธนาคารต่ำ แต่ก็กดดันให้ NIM ลดลงด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ สมมติฐานอัตราการขยายตัวของสินเชื่อปี 2568F ที่ 5% ของเราสะท้อนอัตราการเติบโตของสินเชื่อภาครัฐปีนี้ที่ 10% ซึ่งจะกดดันให้ NIM ลดลง 20bps เหลือ 3.17% ในปี 2568F ไปเรียบร้อยแล้ว
ยังคงมุมมองค่าใช้จ่ายสำรองฯ (credit cost) ลดลงปีหน้า
เนื่องจากธนาคารขยายสินเชื่อภาครัฐที่มี yield ต่ำเพิ่มขึ้น และ สัดส่วน NPL coverage อยู่ในระดับสูง
(ปัจจุบันอยู่ที่ 178%) ซึ่งยังสูงกว่าระดับที่สบายใจได้ (125%) ดังนั้น KTB จึงน่าจะลด credit cost ลงได้ใน
ปี 2568F ณ จุดนี้ เราใช้สมมติฐาน credit cost ปีนี้ที่ 110bps (ลดลงจาก 125bps ในปี 2567F)
ปรับลดประมาณการกำไรปี 2568 ลง 3.5%, ปรับลดราคาเป้าหมายปี 2568F และ ปรับลดคำแนะนำเป็นถือ
เนื่องจากเราคาดว่าภาวะเศรษฐกิจ และ สถานการณ์หนี้เสียจะกดดันให้ KTB (ในฐานะที่เป็นธนาคารรัฐ) เป็น แกนนำ ให้การดำเนินมาตรการช่วยเหลือแทนที่จะเป็นธนาคารพาณิชย์อื่น ๆ เรามองว่าประเด็นนี้จะบีบให้ผลประกอบการของ KTB ไม่ดีเหมือนปกติ โดยเราได้ปรับเพิ่มสมมติฐานค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพื่อสะท้อนถึงค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการถูกบีบให้ช่วยเหลือลูกหนี้ ทั้งนี้ เมื่อใช้ PBV ที่ 0.65x ทำให้เราได้ราคาเป้าหมายปี 2568F ใหม่ที่ 21.0 บาท (ลดลงจากเดิมที่ 22.5 บาท) และ เราได้ปรับลดคำแนะนำ จากซื้อ เป็นถือ
Risks
แรงกดดันทางด้าน NIM และ การด้อยค่าของ NPA.