วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.กรุงศรี ITEL มีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์
ปรับคำแนะนำ ITEL เป็น "ซื้อ" (จาก "ถือ") โดยคงราคาเป้าหมายไว้ที่ 2.58 บาท เนื่องจากมองว่าราคาหุ้นปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ทำให้อัตราส่วนผลตอบแทนต่อความเสี่ยง (risk/reward ratio) ในปัจจุบันอยู่ในระดับที่น่าสนใจ
โดยราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ส่วนลดเกือบ 50% จากมูลค่าหุ้นบุ๊คในปี 2565 (-2SD) ซึ่งบ่งชี้ว่าปัจจัยลบได้รับการสะท้อนราคามากแล้ว รวมถึงผลประกอบการที่อ่อนแอตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2567 เนื่องจากความล่าช้าในการเซ็นสัญญากับโครงการใหม่ เมื่อพิจารณาจากฐานกำไรที่ต่ำในปี 2567 และการฟื้นตัวของโครงการใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากหน่วยงานภาครัฐ โครงการเหล่านี้สามารถขับเคลื่อนการเติบโตของกำไรในปี 2568 ได้ถึง 17.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน
Worst is over for this year
เราได้จัดการประชุมทางโทรศัพท์กับผู้บริหารของ ITEL คือ คุณณัฐนัย (CEO และกรรมการของ ITEL) กับลูกค้าของเราให้ทราบถึงแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทในไตรมาส 4 ปี 2567 และปี 2568 แม้ว่าจะมีอุปสรรคบางอย่างในไตรมาส 4 ปี 2567 แต่ก็มีความหวังในปี 2568 สรุปใจความสำคัญจากการประชุมทางโทรศัพท์ ดังนี้
i) บริษัทคาดว่าจะพลาดเป้าหมายรายได้ในปี 2567 รวมถึงรายได้ที่มาจากการให้เช่าโครงข่าย (คิดเป็น 50% ของรายได้ในไตรมาส 3 ปี 2567) และรายได้จากธุรกิจติดตั้งโครงข่าย (คิดเป็น 43% ของรายได้) เนื่องจากไม่มีโครงการใหม่ให้ประมูล โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากหน่วยงานภาครัฐ เช่น NBTC บริษัทยังคงยืนยันว่ารายได้จะเติบโตเป็นตัวเลขสองหลักในปี 2568 สนับสนุนโดยการรับรู้รายได้ 938 ล้านบาท จาก backlog ปัจจุบัน 1.96 พันล้านบาท ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2567 การรับรู้รายได้จาก backlog ในปี 2568 จะคิดเป็น 33% ของเป้าหมายรายได้ปี 2568 ของ ITEL ส่วนที่เหลือจะมาจากรายได้จากการต่อสัญญาและโครงการใหม่ที่เปิดประมูลในปีหน้า
ii) ITEL ได้เปลี่ยนกลยุทธ์ธุรกิจโดยถอนตัวจากอุตสาหกรรมศูนย์ข้อมูล หลังจากขายหุ้นทั้งหมด 33.33% ใน ETIX ITEL Bangkok (JV ระหว่าง ITEL และ ETIX จากฝรั่งเศส) คืนให้กับพันธมิตร บริษัทจะบันทึกกำไรจากการขายสินทรัพย์ 110-120 ล้านบาท ในไตรมาส 4 ปี 2567 เห็นผลของการขายบริษัทร่วมดังกล่าวมาจากการ
คาดการณ์ของทาง ITEL ที่ประเมินว่าสถานการณ์อุตสาหกรรมศูนย์ข้อมูลจะมีอุปทานส่วนเกินในช่วง 5-10 ปีข้างหน้า แม้ว่าความต้องการศูนย์ข้อมูลที่เพิ่มขึ้น ITEL โดยหลังจากขายบริษัทร่วม ITEL จะนำเงินไปขยายธุรกิจคลาวด์ ซึ่งบริษัทสามารถหารายได้จากการนำข้อมูลลูกค้าขึ้นไปบนคลาวด์ (เตรียมข้อมูลของลูกค้าและอัปโหลดไปยังคลาวด์) และบันทึกรายได้จากการให้บริการคลาวด์
iii) ในปี 2568 บริษัทยังวางแผนที่จะนำบริษัทย่อย "บลูโซลูชั่น" (ทำธุรกิจ SI) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในไตรมาส 2 ปี 2568 ปัจจุบัน ITEL ถือหุ้น 51% ในบริษัทดังกล่าวและคาดว่าสัดส่วนการถือหุ้นจะลดลงเหลือ 30% หลังจากการเสนอขายหุ้น IPO จะมีกำไรจากการขายหุ้นบางส่วนจากการ IPO
Implications: จากข้อมูลข้างต้นจากผู้บริหาร เราคาดว่ารายได้ในไตรมาส 4 ปี 2567 จะเติบโตเล็กน้อย (คงที่หรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาส 3 ปี 2567) เนื่องจากไม่มีการรับรู้รายได้จากโครงการขนาดใหญ่ หากเป็นเช่นนี้ อาจมีความเสี่ยงด้านการปรับรายได้ของปี 2567 จะอยู่ประมาณ 12% อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรขั้นต้นอาจดีกว่าสมมติฐานของเรา ซึ่งหมายความว่าความเสี่ยงในการปรับกำไรลงจะเหลืออยู่แค่ 4% จากประมาณการกำไรปี 2567 ของเรา
ผลกระทบจากการขายหุ้นในกิจการร่วมทุน ETIX บริษัทนี้เป็นบริษัทขาดทุนและส่งผลขาดทุนให้กับทาง ITEL ประมาณ 4 ล้านบาทต่อปี เราใช้สมมติว่าผลขาดทุน 4 ล้านบาทจากกิจการร่วมทุนนี้จะยังคงดำเนินต่อไปในปี 2568 ทำให้การขายกิจการร่วมทุนจะช่วยเพิ่มกำไรของ ITEL ได้ 2% ในปี 2568 นอกจากนี้ในระยะสั้น จะมีการบันทึกกำไรพิเศษจากการขายศูนย์ข้อมูล "ETIX ITEL BKK" ซึ่งถูกบันทึกในไตรมาส 4 ปี 2567 แต่เราไม่ได้รวมรายการทั้งแบบเกิดขึ้นประจำและพิเศษที่เกิดจากผลกระทบของ ETIX เนื่องจากความผันผวนตามธรรมชาติของกำไรพิเศษและผลกระทบที่ไม่สำคัญต่อกำไรปี 2568
สำหรับปี 2568 เราคงประมาณการการเติบโตของกำไรสุทธิปี 2568/2569 ไว้ที่ 17.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยได้รับแรงหนุนจากฐานต่ำในปี 2567 ท่ามกลางโครงการใหม่ที่เพิ่มขึ้นสำหรับการประมูล
Upgrade to BUY (from Neutral) with unchanged TP Bt2.58
เราปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ” (จาก “ถือ”) โดยคงราคาเป้าหมายไว้ที่ 2.58 บาท เราปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ” เนื่องจากราคาหุ้นปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา ซึ่งบ่งชี้ว่าปัจจัยลบ (รวมถึงผลประกอบการที่อ่อนแอ ไม่มีโครงการสำคัญสำหรับการประมูล) ได้รับการสะท้อนราคาแล้ว อัตราผลตอบแทนต่อความเสี่ยงในปัจจุบันน่าสนใจ เนื่องจาก ITEL ซื้อขายที่ส่วนลดลึกเมื่อเทียบกับมูลค่าหุ้นบุ๊ค (BV) เมื่อพิจารณาจากฐานต่ำในปี 2567 ร่วมกับโครงการใหม่แทบไม่มีเลยสำหรับการประมูลในปี 2567 ประมาณการการเติบโตของกำไรของเราจะเป็นไปได้ การเซ็นสัญญาโครงการใหญ่ เช่น USO 3 ในไตรมาส 2 ปี 2568 อาจเป็นปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้น.