วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก ลุ้น Rebound
วันจันทร์ที่ผ่านมาดัชนีผันผวน โดยช่วงเช้าดัชนีปรับตัวลง จากนักลงทุนกังวลสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน และนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐ และเริ่มปรับตัวขึ้นในช่วงบ่าย จากแรงซื้อในหุ้นกลุ่มไอซีที อิเล็กทรอนิกส์ และค้าปลีก
ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,437.11 จุด +9.57 จุด +0.67% มูลค่าการซื้อขาย 35,255.14 ลบ. Program Trading -1,072.95 ลบ. ต่างชาติ -414.52 ลบ. TFEX +11,211 สัญญา ตราสารหนี้ +3,262.26 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 10 เซนต์ หรือ +0.15% ปิดที่ 68.10 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยได้แรงหนุนจากข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของจีน อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย ท่ามกลางความวิตกกังวลว่าเฟด อาจจะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในการประชุมเดือนนี้
+ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเพิ่มขึ้น 0.4%MoM ในเดือนต.ค. โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนก.ย.
+ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 48.4 ในเดือนพ.ย. จากระดับ 46.5 ในเดือนต.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 47.5
+ ก.ล.ต.มีแนวคิดที่จะปรับปรุงหลักเกณฑ์การโฆษณาของผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล และผู้ออกและเสนอขายโทเคนดิจิทัลต่อประชาชน ในส่วนของค้าเตือนความเสี่ยงการลงทุนในโทเคนดิจิทัล ให้เหมาะสม เป็นมาตรฐานเดียวกัน
ปัจจัยลบ
- ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 128.65 จุด หรือ -0.29% แต่ดัชนี Nasdaq และ S&P500 ปิดทำนิวไฮ โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจหลายรายการของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร
- สภาความมั่นคงแห่งชาติของอิสราเอล (NSC) เตือนว่าเครือข่าย ก่อการร้ายที่สังหารแรบไบ ซวี โคแกนในนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กำลังวางแผนก่อเหตุโจมตีเพิ่มเติมต่อชาวอิสราเอลและชาวยิวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในประเทศไทย
- รัฐบาลสหรัฐฯ จะออกข้อจำกัดใหม่เกี่ยวกับการส่งออกเครื่องมือผลิต เซมิคอนดักเตอร์ไปยังจีน เพื่อขัดขวางความพยายามของจีนในการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ (AI) สำหรับการใช้งานทางการทหาร
- เยอรมนีกล่าวหาว่าจีนจัดหาอาวุธให้รัสเซียใช้ทำสงครามกับยูเครน ซึ่งถือเป็นการคุกคามสันติภาพในยุโรปและอินโดแปซิฟิก
- จีนออกโรงเตือนรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดี โจ ไบเดน ให้ระมัดระวังในประเด็นเกี่ยวกับไต้หวัน หลังจากที่ประธานาธิบดีไล่ ชิงเต๋อ ผู้นำไต้หวัน เดินทางเยือนฮาวาย ซึ่งถือเป็นการเยือนสหรัฐฯ ครั้งแรก
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาส Rebound ตามทิศทางตลาดภูมิภาค โดยมีแรงหนุนจากข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของจีน ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจหลายรายการของสหรัฐในสัปดาห์นี้ มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,430-1,445 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการที่ ทรัมป์ ชนะเลือกตั้ง : AMATA WHA ROJNA TLI BLA DELTA HANA
• รัฐเตรียมแจกเงิน 10,000 บาทให้กลุ่มผู้สูงวัย : CPALL CPAXT BJC TNP
• สินค้าส่งออกเดือน ต.ค. ที่เติบโตดี : STA NER TFG MALEE ITC AAI
หุ้นรายงานพิเศษ
BEM ("ซื้อ" Bloomberg Consensus 11.09 บาท)
"กำไร 3Q67 เติบโต 10%YoY และเติบโต 6%QoQ"
•รายงานกำไร 3Q67 ที่ 1.07 ลบ. +10%YoY และ +6%QoQ ได้แรงหนุนจากธุรกิจระบบรางที่เติบโต 8%YoY และเติบโต 11%QoQ สู่ 1.78 พันลบ. ขณะที่รายได้จากธุรกิจทางพิเศษ หดตัว 1%YoY แต่เติบโต 8%QoQ สู่ 2.28 พันลบ. โดยธุรกิจระบบรางผู้ใช้บริการเฉลี่ย ใน 3Q67 เติบโต 7% สู่ 438,000 เที่ยวต่อวันจากการเปิดรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและการเปิดตัวโครงการ One Bangkok และ Dusit Central Park ด้านอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 1.6% จาก 3Q66 สู่ 44.4% เนื่องจากธุรกิจระบบรางมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นตามจำนวนผู้ใช้บริการ ทั้งนี้ รายงานกำไร 9M67 ที่ 2.9 พันลบ. +11%YoY
•ผู้บริหาร คาดปี 68 รายได้ธุรกิจระบบรางเติบโต 10% สู่ 550,000 เที่ยวต่อวันจากการเติบโต ของโครงการอสังหาฯ ที่พัฒนารอบเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ทั้งนี้ บริษัทสั่งซื้อรถไฟฟ้าเพิ่มอีก 21 ขบวนเพื่อรองรับการเติบโตของผู้โดยสารโดยจะเริ่มส่งมอบรถไฟฟ้าในปี 70 ด้านโครงการทางด่วน 2 ชั้น (Double Deck) วงเงิน 3.5 หมื่นลบ. คาดว่า BEM จะเป็น ผู้ลงทุนในวงเงิน 3.5 หมื่นลบ. แลกกับการต่ออายุสัมปทานไปอีก 22 ปี 5 เดือนคาดลงนามได้ภายใน 1Q68
•ความเห็น เรามุมมมอง Neutral ต่อผลประกอบการ 4Q67 เนื่องจากเป็น Low Season ของการเดินทางเนื่องจากมีวันหยุดยาว ในเดือน ธ.ค. อย่างไรก็ตามปี 68 เราคาดว่าผลประกอบการจะเติบโตจากธุรกิจระบบรางที่มีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และราคาหุ้น มี Upside อีกราว 47% เราจึงแนะนำ “ซื้อ”
หุ้นมีข่าว
(+) CRC (Bloomberg Consensus 40.00 บาท) มองไตรมาส 4/2567 ไฮซีซัน เทศกาลจับจ่าย ใช้สอย หนุนยอดขายธุรกิจอาหาร (TOP) และแฟชั่น ด้านไทวัสดุยอดขายติดลบลดลง มั่นใจปีหน้ารายได้รวมโต 2 เท่า ของ GDP ปี 2568 เดินหน้าขยายสาขา ทั้งในไทย-เวียดนาม เร่งปรับปรุง โอเดียนมิลาน อิตาลี เป็นพื้นที่ให้เช่า คาดเสร็จปี 2570 (ที่มา ทันหุ้น)
(+) VGI (Bloomberg Consensus 2.12 บาท) ชี้งวดไตรมาส 3 (ต.ค.-ธ.ค.67) ไฮซีซัน หนุนผลดำเนินงานโต ลั่นรายได้งวดปี 2567/2568 เพิ่มขึ้น 20% แตะ 5.5-6 พันล้านบาท-กรอสมาร์จิ้นเพิ่ม 2% รับเงินขายหุ้น PP เดือนนี้ 1.3 หมื่นล้านบาท ลุ้นเวอร์ชวลแบงก์ประกาศผลคัดเลือก เดือนมิถุนายน 2568 มั่นใจศักยภาพพันธมิตร เริ่มใส่เงินลงทุนเมษายน 2569 ด้านโครงการ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ รอความชัดเจนกฎหมาย พร้อมเข้าศึกษาโอกาส ดันเติบโต (ที่มา ทันหุ้น)
(+) BA (Bloomberg Consensus 28.50 บาท) ยืนยันเดินหน้าโครงการเมืองการบินตะวันออก-สนามบินอู่ตะเภา ไม่ว่าโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินจะเดินหน้าหรือไม่ คาดปี 2568 รายได้ค่าตั๋วโดยสารโต 10-12% สอดคล้องยอดขายตั๋วล่วงหน้า เตรียมแผนจัดหาเครื่องบินเสริมแกร่งฝูงบินอีก 2 ลำ คาดชัดเจนครึ่งหลังของปี 2568 (ที่มา ทันหุ้น)
(+) BBIK (Bloomberg Consensus 50.00 บาท) ชี้ตลาดงาน AI เป็นขาขึ้น เดินหน้ารุกทั้งในประเทศและภูมิภาคเต็มสูบ ส่งซิกโค้งท้ายผลงานทำนิวไฮ ดันทั้งปีรายได้โต 10% และปี 2568 โตต่อเนื่อง 20-30% เวอร์ชวลแบงก์หนุน พุ่งเป้าปั๊มสัดส่วนงานต่างประเทศเพิ่มเป็น 15% พร้อมเข้า SET พฤษภาคม ปีหน้า เพิ่มโอกาสรับงานใหญ่ (ที่มา ทันหุ้น)