วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ ติดตามการประชุมธนาคารกลางขนาดใหญ่ และประชุม กนง.
แกว่งตัวตามการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจและสัญญาณจากการประชุมธนาคารกลางขนาดใหญ่ บรรยากาศลงทุนตลาดโลกในภาพรวมซบเซาหลังไร้ปัจจัยบวกใหม่ และตอบรับปัจจัยบวกจากการปรับลดดอกเบี้ยไปพอสมควรแล้ว
ระยะสั้นนักลงทุนติดตามตัวเลขเศรษฐกิจกิจจีนเช้าวันจันทร์นี้ ได้แก่ ยอดค้าปลีก, ราคาอสังหาริมทรัพย์ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ซึ่งยังยากคาดเดาปฏิกิริยาของตลาด (ตัวเลขเศรษฐกิจที่แย่ อาจเพิ่มความคาดหวังเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม) นอกจากนี้ตลาดรอติดตามการส่งสัญญาณหลังการประชุมธนาคารกลางสำคัญ ได้แก่ FED (18 ธ.ค.), BOJ (19 ธ.ค.), BOE (19 ธ.ค.) ซึ่งเราประเมินตลาดจะให้ความำคัญกับมุมมองดอกเบี้ยของกรรมการรายบุคคล (Dot Plot) ของเฟด โดยตลาดอาจตอบรับเชิงลบหากกรรมการเฟดส่วนใหญ่มองดอกเบี้ยปี 2568 ลดลงต่ำกว่า 1%
การประชุมกนง.รอบนี้อาจมีเซอร์ไพรซ์ลดดอกเบี้ย: แม้มุมมองนักเศรษฐศาสตร์ประเมินมีโอกาสที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะปรับลดดอกเบี้ยประมาณ 2 ครั้งในปี 2568 แต่เรามองว่ามีความเป็นไปได้เช่นกันที่ ธปท.อาจตัดสินใจปรับลดดอกเบี้ยลงตั้งแต่การประชุม 18 ธ.ค. นี้ เนื่องจากวาระการแก้หนี้เป็นเรื่องใหญ่ และการปรับลดดอกเบี้ยอาจเป็นการส่งสัญญาณสนับสนุนการแก้ปัญหาหนี้ของรัฐบาลที่กำลังดำเนินอยู่ ซึ่งอาจเป็นเซอร์ไพรซ์ให้กับกลุ่มไฟแนนซ์ สำหรับกลุ่มธนาคารอาจเป็นลบระยะสั้น อย่างไรก็ตามเราคงมุมมองงบกลุ่มสถาบันการเงินมีโอกาสดีกว่าตลาดคาดในช่วงไตรมาส 4/67 หลังตั้งสำรองหนักมาตลอดทั้งปีแล้ว
อาจมีแรงเก็งกำไรในหุ้นเข้าออก SET50/SET100: หุ้นที่คาดการณ์ว่าจะเข้า SET50 ได้แก่ CCET, COM7, SAWAD, BANPU / หุ้นที่คาดการณ์ว่าจะถูกถอดออกจาก SET50 ได้แก่ TIDLOR, CENTEL, BCP, EA // หุ้นที่คาดการณ์ว่าจะเข้า SET100 ได้แก่ CCET, JTS, PR9, COCOCO / หุ้นที่คาดการณ์ว่าจะถูกถอดออกจาก SET100 ได้แก่ MBK, TOA, TIPH, RBF
ภาพรวมกลยุทธ์ “ติดตามการทดสอบ 1,426 จุด หากหลุดจะมี downside ในระดับใกล้ 1,400 จุด แต่จะเป็นจังหวะซื้อที่น่าสนใจ Theme play หลักที่เราให้น้ำหนักอยู่ในกลุ่ม Earnings momentum play ใน 4Q67-1Q68 โดยเรายังคงชอบ หุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว, การแพทย์, ค้าปลีก โดยคาดธนาคาร และการเงิน จะเป็นกลุ่มช่วยประคองบรรยากาศรวม // หุ้นที่ได้แรงหนุนจากรายจ่ายภาครัฐ ได้แก่ SYNEX, SIS, SAMART, CSS, CK, STECON // ผู้ต้องการใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีควรทยอยซื้อ RMF, SSF, Thai ESG
แนวรับ: 1,405-1,425 แนวต้าน : 1,438-1,450 จุด
สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%
หุ้นแนะนำ (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)
• KTC* (52): การตั้งสำรองอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ทำให้คาดไตรมาส 4/67 มีโอกาสรายงานกำไรดีกว่าคาด และได้แรงส่งเชิงบวกจากการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางขนาดใหญ่ของโลก ตัดขาดทุน 46.50 บาท
• SAWAD* (44): เก็ง กนง. มีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยในการประชุม 18 ธ.ค. และหุ้นมีโอกาสถูกนำเข้าคำนวณใน SET50 ตัดขาดทุน 39 บาท
• SHR* (2.80): ผลการดำเนินงานปี 2568 มีโอกาสเติบโตขึ้นจากรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก 5-10% โดยเฉพาะโรงแรมในไทยและมอริเชียสที่ (ระดับ 20%) ตัดขาดทุน 2.30 บาท
• IND* (1.00): ผลประกอบการอยู่ในช่วงฟื้นตัว กลุ่ม INDEX และพาร์ทเนอร์ชนะประมูลควบคุมงานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก 4,337 ล้านบาท ราคาซื้อขายต่ำมูลค่าทางบัญชีที่ 1.26 บาท ตัดขาดทุน 0.78 บาท
ประเด็นที่น่าสนใจ
- CPAXT ตั้งบ.ย่อยทุนจด 8.39 พันลบ.ผุดโปรเจ็คต์มิกซ์ยูส "The Happitat" ในโครงการ The Forestias
- ทรัมป์ ตั้ง 2 คนสนิทรับตำแหน่งสำคัญ “เดวิน นูเนส” ซีอีโอ “Truth Social” ดูแลด้านข่าวกรอง
- ต่างชาติ จ่อฉลองคริสต์มาส-ปีใหม่ในไทย ดัน ยอดจองโรงแรมในไทย พุ่ง 18%
- คมนาคม ผลักดันสนามบินหัวหิน เปิดให้บริการเต็มรูปแบบในปี 68
- WHA ตั้ง บ.ย่อยใหม่ เปิดเกมรุกพัฒนานิคมใหม่ในเมือง Thanh Hoa ของเวียดนาม
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
17 ธ.ค. – US Retail Sales